0

ของใช้ ของกินเบบี๋และเด็กที่อยากจะแชร์ Part III (เน้นของกินแน่นๆ)

ว่าด้วยเรื่องหม่ำๆ เราเองขอออกตัวก่อนว่าอาจจะแนะนำได้ไม่เยอะ เพราะไทกินค่อนข้างง่าย และไม่ได้แพ้อะไร ที่อยากจะแนะนำคุณแม่ว่า เรามีทางป้องกันให้ลูกแพ้ยังไงบ้าง อย่างแรก ต้องทำกันตั้งแต่ตอนท้อง แต่สำหรับบางกรณี เราก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะพันธุกรรม ถึงแม้คุณแม่จะระวังมากแล้วแค่ไหนก็ตาม ก็ยึดหลักเดิมนะค่า อย่าเครียด ถ้าลูกแพ้อาหาร แพ้นม หรือทานข้าวยาก เด็กทุกคนมีความแตกต่างกัน อย่าเอาลูกเราไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น ลูกเราทุกคนมีความพิเศษในตัวค่ะ อย่างไท กินง่าย แต่นอนยากมากกกกก มันก็ทำให้อิแม่อย่างเราหนื่อยมากเช่นกัน

1. ตั้งแต่ตอนท้องถึงคลอด

  • สิ่งที่ไม่ควรอยู่แล้ว เราว่าทุกคนรู้อยู่แล้ว พวกเครื่องดื่มมึนเมา น้ำอัดลม เอาจริงๆ เราก็มีแอบกินโค้กบ้าง หิๆ เรายึดหลักง่ายๆว่า เลือกกินอะไรที่มีประโยชน์ ไม่มากไม่น้อยเกินไป พวกผลิตภัณท์นมวัว ควรทานให้น้อยที่สุด ไม่ได้บอกว่าห้ามเลย ก็เกินไป อย่างตอนเราท้อง คืออยากกินเค้กตลอดเวลา ก็กินแค่ให้หายอยาก มีเพื่อนบางคนคือถูกคนรอบตัวคอยบอกว่า ต้องกินนั่นกินนี่เยอะๆ เราว่า เชื่อตัวเองดีที่สุดบวกกับการหาข้อมูลอ่านเพิ่มเติม อย่างมีเพื่อนคนนึง ตอนท้องแม่สามีบอกให้กินนมเยอะๆ กินวันละเป็นลิตร ลูกออกมาแพ้นมวัวเลย ถึงบอกว่า ทานได้หมด อะไรที่มีประโยชน์ แค่ทานให้พอดี และแต่ละวัน ท่องไว้เลยว่า ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ สบายใจ ไม่เครียด
  • วิตามินที่ทานช่วงท้อง มีเพื่อนแนะนำทานวิตามิน แต่ต้องซื้อที่อังกฤษตามร้าน boots เราทานแล้วรู้สึกว่าดีมาก เพราะวิตามินมีครบตามที่คุณหมอแนะนำ และเป็นแบบรวม ไม่ต้องมานั่งกินแยกแบบที่หมอที่นี่ให้ และเป็นวิตามินแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ วิตามินแบรนด์มีให้ทานตั้งแต่ช่วงตั้งท้องจนถึงหลังคลอด ซื้อเผื่อมาเลยก็ได้ ที่ boots จะมีโปร buy 3 for 2 คือซื้อสามกล่องในราคา 2 กล่อง แต่ไม่แนะนำให้ทานตัวที่เป็น omega นะ เพราะสำหรับบางคนอาจจะทำให้น้ำนมข้นและตันได้ เราเองก็ทานแค่ตัวที่เป็นวิตามิน หนึ่งกล่องทานได้หนึ่งเดือน
Screen Shot 2558-04-05 at 9.11.18 AM

ทานช่วงท้อง

Screen Shot 2558-04-05 at 9.12.52 AM

ทานหลังคลอดและให้นม

2. อาหารเบบี๋

  • เป็นอันรู้กันนะค่าว่า เบบี๋ควรให้ทานนมแม่จนถึง 6 เดือน สำหรับบ้านที่ให้นมแม่ได้ปกตินะคะ จนเข้าสู่เดือนที่ 6 ก็เริ่มป้อนอาหาร เราได้เป็นตารางจากคุณหมอธิดาวรรณที่โรงพยาบาล BNH มา ว่าตั้งแต่ 6 เดือนเป็นต้นไปควรทานอะไรบ้าง พอดีทำใบนั้นหายไปแล้ว เอาที่พอจะจำได้นะค่า แต่ลอง search หาดูน่าจะพอมีให้อ่านอยู่ เริ่มจิบน้ำเปล่าได้ค่ะ
  • 6-9 เดือน ทานอาหารบดละเอียด เริ่มด้วยน้ำข้าวต้มบดละเอียด เราเริ่มให้ด้วยการต้มข้าวกล้องจนเละเป็นโจ๊ก เอามาบี้จนละเอียดมากๆ อาจจะต้มกับน้ำซุปกระดูกหมู ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงอะไรเลย ประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะ เริ่มจากแค่หนึ่งมื้อ เราเลือกเริ่มมื้อกลางวัน ส่วนมื้ออื่นก็ยังทานนมเป็นเหลัก อาหารเป็นรองค่ะ ค่อยๆเพิ่มเนื้อสัตว์เข้าไป แต่ก็ต้องบดละเอียด เราให้ทานปลา 90% ส่วนมากจะไปซื้อที่ lemon farm สาขาหลังสวน เพราะปลาที่นี่จะรับมาโดยไม่ใส่สารฟอร์มาลีน ไม่ก็ของยี่ห้อ ธรรมชาติ ที่ Gourmet supermarket, Villa แต่เราชอบของ lemon farm มากกว่า สดกว่า ส่วนเนื้อสัตว์อย่างหมู ก็ซื้อของ S-Pure ผักก็ต้มบดละเอียด ผัก organics ผลไม้เราบดกล้วยน้ำว้ากับอโวคาโดให้ มะละกอก็ได้ แต่ส่วนมากจะกินแต่กล้วยน้ำว้ากับอโวคาโด เป็นผลไม้ระหว่างมื้อกลางวันกับเย็น แล้วก็แอปเปิ้ลนึ่งแล้วบดเอา
  • 9-12 เดือน เพิ่มจากหนึ่งมื้อเป็นสองมื้อต่อวัน อาหารเริ่มเป็นแบบบดหยาบ ตอนนั้นเราใช้เครื่องปั่นอาหารเด็กเอา สะดวกและละเอียดดี ไม่ต้องเมื่อยมือบด ตอนนั้นเราใช้เครื่องปั่นของ beaba babycook มีเพื่อนแนะนำมา ปั่นได้ นึ่งผลไม้ได้ เด็กบางคนถ้าฟันเริ่มขึ้นเยอะ ก็จะสามารถทานอาหารที่หยาบขึ้นได้ อย่างไทฟันขึ้นเร็วมาก ตอน 10 เดือนก็ขึ้น 4-5 ซี่แล้ว พอครบขวบก็ขึ้นเต็มปากแล้ว เลยทานอะไรได้หลายอย่างและไม่ต้องบดหรือปั่นละเอียด เบบี๋แต่ละคนไม่เหมือนกันเลยเรื่องทานอาหาร บางคนทานง่าย บางคนทานยาก ใจเย็นๆนะคะ ค่อยๆปรับ ไข่ คุณหมอไม่แนะนำให้รีบเริ่มทานไข่ และควรเริ่มจากการทานไข่แดงก่อน แล้วดูว่าเบบี๋แพ้หรือเปล่า ส่วนปริมาณ ก็อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ เช่นข้าว 1 ช้อนโต๊ะ กับข้าว (ผัก เนื้อสัตว์) 1 ช้อนโต๊ะ แต่ค่อยๆป้อนนะ ทานได้เท่าไหร่ก็เท่่านั้น อย่าไปบังคับให้ทานหมด อย่าพึ่งใส่พวกเครื่องปรุงรส เราเริ่มใส่เกลือตอนไทอายุขวบหนึ่ง อาหารทะเลอย่างอื่น นอกจากปลาอย่าพึ่งทานนะคะ

  • 1 ขวบขึ้นไป ก็เริ่มทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ได้แล้ว อาหารจะเริ่มเป็นอาหารหลัก และนมเป็นอาหารเสริมแทน เริ่มให้อาหารครบ 3 มื้อได้ แต่ต้องดูว่าลูกเราฟันขึ้นเยอะพอที่จะเคี้ยวอาหารได้มากแค่ไหน อาจจะยังต้องบดอาหารให้ทานได้ง่ายๆก่อน ไทเริ่มทานแบบปกติไม่ต้องบดตอนขวบนิดๆ เราก็เริ่มมีใส่เกลือ (sea salt) กับซิอิ้วนิดหน่อย อาหารหลักก็จะเป็น ปลาทะเล ผักเขียวผสมแครอทหรือฟักทอง ข้าวกล้อง เนื้อหมู เนื้อไก่ (เราซื้อไก่บ้านเป็นตัว ตัวเล็กๆที่ villa supermarket มี foodland บางทีก็มี ส่วนมากจะเป็นไก่บ้านตัวใหญ่) พยายามทำอาหารที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน ทำเป็นพวกต้ม นึ่ง พอสักเกือบๆสองขวยถึงเริ่มทานเหมือนผู้ใหญ่ ไทชอบเต้าหู้ เส้นอุด้ง เส้นโซบะ บะหมี เกี๊ยวจีน คืออะไรจีนๆชอบหมด 5555 เลือดแม่แรงมากกก
  • ผลไม้ ทานได้หมด ยกเว้นอารมณ์แบบทานยากไป ทานแล้วร้อนในแบบ ทุเรียน ลำไย ไม่เอาค่ะ ทานมะละกอดีมาก ช่วยเรื่องขับถ่าย กล้วยน้ำว้าทานทุกวันได้ดี วันละลูก แอปเปิ้ล มะม่วง

3. ขนม snacks

  • เราเห็นบางบ้านจะไม่ให้ทานเลย แต่เราให้นะ เป็น snack ติดกระเป๋า เผื่อหิวกลางทาง หรือเผื่อว่าอยู่บนรถนาน เลยเวลาทานข้าว แต่ก็พยายามซื้อ snack ที่เป็นพวก organics ที่ villa มีขายเยอะ เป็นพวก biscuits หรือพกพวกน้ำผลไม้ของดอยคำอย่างน้ำมะเขือเทศ น้ำมะม่วง น้ำสตรอเบอร์รี่
  • ขนมที่ไทชอบ เป็นเหมือนขนมผิง ลูกกลมๆขาวๆเล็ก ซื้อได้ที่ foodland ของญุี่ปุ่นตรงขนมเด็กเล็ก แถวๆนมผง
  • ขนมปัง wholewheat บางทีก็พกติดไว้เผื่อหิว
  • ผลไม้อบแห้ง freeze dried พกติดตัวไว้เหมือนกัน ไทชอบของ wel b ที่เป็นกล้วยกับสตรอเบอร์รี่ supermarket and 7/11 มีนะ
  • yogurt เราให้ทานเป็นของว่าง แบบน้ำตาลน้อย
  • อาหารอีกอย่างที่เราเคยให้ไททานตอนยังทานข้าวสองมื้อ เพราะกลัวช่วงบ่ายจะหิวคือ ข้าวโอ๊ตผสมผลไม้ ตอนนี้เราให้ทานเป็นอาหารเช้าทุกวัน เราว่าสารอาหารครบ แล้วก็ทำง่ายด้วย ต้มเสร็จใส่กล้วยน้ำว้าหรือผลไม้อย่างอื่นที่ลูกชอบ

ทุกวันนี้ไท 2 ขวบ 4 เดือน ทานได้หมด เคี้ยวได้หมด เวลาไปไหนก็ไม่ต้องห่วงเรื่องกิน แค่ตอนสั่งก็บอกว่าไม่ใส่ผงชูรสนะค่ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ตอนไทกทานแต่อาหารบด เวลาไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เราจะปั่นเก็บใส่กระปุกเป็นวันและมื้อไปเลย ใส่กระติกน้ำแข็ง แล้วพอถึงโรงแรมก็ฝากให้ใส่ช่องแข็ง พอจะทานก็แจ้งให้โรงแรมอุ่นให้ จะได้ไม่ต้องห่วงว่าลูกทานอะไรไม่ได้ 🙂 มีอะไรอยากถามเพิ่มเติม ถามมาได้นะค่า xx

0

ของใช้ ของกินเบบี๋และเด็กที่อยากจะแชร์ Part II (แพมเพิส, ของเล่น, เสื้อผ้า รองเท้า)

มามะ มาต่อกันเรื่องช็อปปิ้ง ความสุขเล็กๆน้อยของมนุษย์แม่ กอฟเคยว่าเราบ่อยมากว่า เห็นแผนกเด็กไม่ได้ เป็นต้องรี่ใส่ แล้วก็ต้องคอยหาเรื่องซื้ออะไรสักอย่าง ทั้งๆที่มีอยู่แล้วอ่ะนะ 5555555 แต่ก็ยังคงซื้อต่อไป จนมาระลึกได้ว่า ของลูกเยอะมาก เต็มบ้าน เต็มทุกห้อง เลยมานั่งตั้งสติและบอกตัวเองทุกครั้งก่อนจะซื้ออะไร ถามตัวเองว่า มีหรือยัง จำเป็นไม๊ ใช้ได้นานหรือเปล่า ก็ช่วยได้เยอะ ประหยัดไปเยอะเหมือนกัน

ต่อค่ะ item ชิ้นต่อไป ขาดไม่ได้ คือ

1. Pampers/Diapers

  • เป็นประมาณปัจจัยสี่ของการเลี้ยงลูก สำหรับใครที่มีเพื่อนพึ่งคลอดลูก แนะนำให้ซื้อแพมแพิสให้ค่ะ แต่อย่าซื้อแต่ newborn นะคะ ซื้อคละไซส์ไป เราว่าไซส์ที่ใช้ได้นานสุดคือไซส์ M
  • ส่วนยี่ห้อ ที่เราใช้มาในเมืองไทยนะคะ Mamy Poko ดีที่สุด ซับฉี่ได้ดีที่สุด รุ่นแพงสุดอ่ะ จำไม่ได้ว่ารุ่นอะไร สำหรับเด็กแรกเกิด ยังไงก็ต้องใช้แบบเทป สิ่งที่อยากจะแนะนำคือ ใช้แบบเทปจะซึมซับได้มากกว่าแบบกางเกง (เมื่อถึงวัยใส่กางเกงแล้วนะ) และแบบเทปราคาถูกกว่าด้วย เพราะฉนั้น เมื่อลูกโตพอจะใส่แบบกางเกงได้ กลางวันใส่แบบกางเกง กลางคืนใส่แบบเทป ก็จะประหยัดได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าบ้านไหน ใส่ผ้าอ้อมได้ เราว่าดีที่สุด เป็นการฝึกลูกให้ฉี่เองได้เร็วกว่า เพราะเด็กจะรู้สึกถึงความแฉะ แต่เราเข้าใจนะว่า ยิ่งบ้านที่ไม่ได้มีพี่เลี้ยง การใส่ผ้าอ้อมเป็นเรื่องที่เหนื่อยทีเดียว แต่ของเรา ถ้าอยู่บ้านเราก็พับผ้าอ้อมผูกให้ใส่นะ แล้วก็โยนเข้าเครื่องซักที่เดียว ไม่เหนื่อยมาก จะมีวิธีพับผ้าอ้อมอยู่ใน youtube
  • ยี่ห้อที่ไทใส่แล้วแพ้ คือ babylove ถูกจริงอะไรจริง แต่แพ้เป็นผื่นแดงๆ เราว่าเป็นเพราะการซึมซับไม่ดีพอ และทำให้ชื้นและแฉะ
  • สำหรับใครที่มีโอกาสไปญี่ปุ่น ยี่ห้อโปรดเรา คือ merries ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เนื้อแพมเพิสนุ่ม ไม่เคยซึม เลอะเลย ขอบกางเกงนุ่มมากๆ ของ mamy poko เนื้อแพมเพิสจะออกแข็งหน่อย ส่วนราคาก็ถูกมากๆๆๆๆ ตกแผ่นละประมาณ 7 บาท แล้วคุณภาพแบบดีกว่าของเมืองไทยทุกยี่ห้อ หาซื้อได้ตามร้านขายยาใหญ่หรือ aeon supermarket, ร้าน donkihote ซื้อแบบยกลังเลย ลังหนึ่งจะมีประมาณ 4 ห่อ อีกยี่ห้อที่โอเค แต่ต้องเป็นอันที่ผลิตญี่ปุ่นคือ ยี่ห้อ pampers เลย ต้องเป็นตัว premium ด้วยนะ ห่อสีขาวๆทองๆ ถ้าเป็นห่อสีเขียวอย่าไปซื้อ ห่วยมาก ฉี่ซึมตลอดค่ะ
  • อีกอันที่ตอนไปไต้หวัน แล้วลองซื้อมาใช้แล้วชอบ เพราะช่วงนั้นไม่ได้ไปญี่ปุ่น และไม่ได้ฝากเพื่อนที่ไปบ่อยๆแล้ว เกรงใจหง่ะ ยี่ห้อ huggies โอเคเลยนะ

2. ของเล่น หนังสือ

  • เราชอบซื้อหนังสือมาก ถ้าไปห้างแล้วเข้าร้านหนังสือ ต้องซื้อทุกที เราเคยอ่่านเจอว่า เราสามาระเอาหนังสือรูปภาพให้ลูกดู เล่านิทาน ร้องเพลง ทำเสียงให้ลูกฟัง ได้ตั้งแต่ลูกเริ่มลืมตาได้เต็มที่ ถ้าไปที่ asia books หรือ kino จะมีหนังสือเด็กที่เขียนอายุว่า 0+ หนังสือประเภทสีสัน มีกระจกเงา มี texture ให้จับ มีเสียง จะดีมากกับการพัฒนาการของลูก และเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้ลูกด้วย ทุกวันนี้ กิจกรรมระหว่างวันนอกจากเล่นแล้ว เราให้ไทคือการอ่านหนังสือ ก่อนนอนกอฟต้องเป็นคนเล่านิทานให้ฟัง และตอนที่ให้ไทดูหนังสือครั้งแรก มันมหัศจรรย์มาก คือดูรู้เลยว่าไทชอบ มองตามเวลาเราพลิกหนังสือเปลี่ยนหน้า หลังจากวัย 0+ ก็สามารถหาหนังสือที่เหมาะกับวัยได้เรื่อยๆค่ะ
  • ของเล่น เราเคยอ่านที่คุณหนูดีเขียนว่า ของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก คือที่เด็กได้เรียนรู้จากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสวนในบ้าน หรืออะไรก็ตาม แต้เข้าใจว่า บางบ้านก็อยู่คอนโด ไม่ได้มีพื้นที่สวนให้เล่น และเมืองไทยก็ไม่ได้เป็นเมืองที่เราจะสามารถพาลูกออกไปปิคนิกในสวนได้นะคะ ของเล่นเด็กอ่อน สมัยนี้มีเยอะมาก อย่างพี่โซฟี ยีราฟ กัดได้ มีเสียงด้วย ก็เหมาะกับช่วงฟันขึ้น เรามีซื้อพวกตุ๊กตา mobile ที่ห้อยกับรถเข็น ก็ช่วยบ้างเวลาไทงอแง นอนมองไป แล้วก็จะมีอันที่ให้ดึงๆได้ มีเสียงอะไรประมาณนี้
  • สำหรับเด็กที่เริ่มเดินได้แล้ว เราอาจจะแนะนำได้สำหรับเด็กผู้ชายเป็นหลักนะคะ ต้อขออภัยด้วยหง่ะ คุณหนูดีแนะนำค่ะ การเล่นพวกตัวต่ออย่าง lego จะดีที่สุด ดีกว่าเล่นของเล่นอย่างอื่น แต่บางครั้ง lego ก็แพงเกินไป คุณหนูดีบอกว่า หาของเล่นที่มีลักษณะเป็นตัวต่อแบบอื่นก็ได้เช่นกันค่ะ
  • ขอวกกลับมาเรื่องหนังสือ สำนักพิมพ์ที่เราชอบและแนะนำมากคือของ Urborne (http://www.usborne.com/) ชอบเนื้อหา ลายเส้น รูป โดยเฉพาะหนังสือที่เป็น flap book ที่แต่ละหน้าจะมีให้เปิด flap ดูตามรูป ไทชอบมาก เดี๋ยวจะมาแปะให้ดูบางเล่มที่ไทชอบ โดยมากจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับรถ รถไฟ รถอุปกรณ์ก่อสร้าง สัตว์ต่างๆ และราคาของหนังสือต่างประเทศในเมืองไทย ถูกกว่าที่อื่นที่เราเคยไปดูมา เราโชคดีมาเรื่องนี้นะค่า ร้านหนังสือที่เราซื้อประจำก็ Asia Books and Kinokuniya แต่แอบชอบซื้อ Asia books มากกว่า เพราะเป็นสมาชิกได้เรื่อยๆนะ ประมาณซื้อครบเท่าไหร่ก็เป็นสมาชิกลด 10% ได้ แต่ Kinokuniya ต้องเสียค่าสมัครทุกปีอ่ะ เอารูปมาแปะให้ดูคร่าวๆ จริงๆพาลูกไปเลือก เราว่ามันเป็นอะไรที่ดีนะ อย่างเราเวลาพาไปร้านหนังสือ ไทก็ยืนมองหาละ อันไหนมีรถไฟ หรือรถ หรืออะไรก็ตามที่เค้าชอบ เราก็จะหยิบมาสองสามเล่ม ให้ไทเปิดดู ให้เวลานานหน่อย จะไม่ไปเร่งเค้า แล้วถามเค้าว่า ชอบเล่มไหน เพราะอะไร ชอบจริงๆนะ ถึงจะซื้อให้ สำหรับเรา เวลาซื้อหนังสือให้ไท ต่อให้ช่วงนั้นจะกรอบแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยเสียดายเงินเลย 🙂

look-inside-things-that-go-2013 fyt-abc-_flap first-1000-words-english-40-years

3. เสื้อผ้า รองเท้า

  • เชื่อว่า หัวข้อนี้ แม่ๆที่มีลูกสาวอาจจะ expert กว่าเราอ่ะ 55555 สำหรับเรา ตั้งแต่เด็กจนโต ตู้เสื้อผ้าในตู้ไท 90% จะเป็นของ muji เพราะแม่เราไปบ่อยก็เคยซื้อมาให้ตอนไทไม่กี่เดือน จนทุกวันนี้ยังใส่ได้อยู่เลยอ่ะ แหะๆ แล้วโดยส่วนตัวเราชอบเสื้อผ้าเรียบๆให้ลูกใส่ ไม่ชอบลายเยอะๆ เมืองไทย muji พึ่งเอาของเด็กเข้า และน้อยมาก เยอะสุดก็ยังเป็นญุี่ปุ่นและราคาถูกมาก เนื้อผ้า cotton ก็ดี ใส่สบาย ไม่ร้อน และไทเป็นเด็กขี้ร้อนมาก หน้าร้อนนี้ใส่แต่เสื้อกล้าม ขาสั้น ไม่ก็ใส่แต่กางเกงในอยู่บ้าน
  • ชุดนอน เราชอบของ mothercare ที่เป็นเสื้อแขนขายาว เพราะไทเป็นเด็กไม่ยอมห่มผ้าห่ม เมืองไทยขายแพงมากกกกก ไม่เคยซื้อ ตอนน้องชายยังเรียนอยู่อังกฤษ เลยซื้อ online ส่งไปบ้านน้อง ที่เมืองไทย H&M ก็มีให้เลือกอยู่ ราคาพอรับได้ แต่บางอย่างก็แพงไป และคุณภาพเนื้อผ้าก็ไม่ดีมาก นอกจากเลือกตัวที่เป็นผ้า organic ก็จะโอเคหน่อย
  • รองเท้า ตอนไทเกิด เราสังเกตุว่าขาไทงอนิดนึง และด้วยความที่เราและกอฟขาโก่ง ก็กลัวว่าไทจะขาโก่ง พอเริ่มเดินได้ ก็ไปตัดรองเท้ากับหมอชายธวัชที่โรงพยาบาลสมิติเวช ก็ใส่มาเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้ และไทก็เดินดีขึ้นนะ เป็นรองเท้าหุ้มข้อหนัง มีสีให้เลือกเยอะเลย เรา น้องเราก็ตัดกับหมอมาตั้งแต่เด็ก แต่เดี๋ยวนี้มีสีให้เลือกเยอะมาก สำหรับเด็กผู้หญิงก็มีหลายสี แต่…….ด้วยความที่อิชั้นเป็นคนที่ชอบรองเท้ามาก จึงอดไม่ได้ที่จะแอบซื้อรองเท้าให้ลูกตลอดเวลา และเท้าเด็กก็โตเร็วมากกกกกก ใส่ไม่ทัน บางคู่ใส่ไปแค่ครั้งเดียวเอง นอกจากรองเท้าคุณหมอ รองเท้าที่เราว่าดีมาก และไทชอบใส่คือ asics เมืองไทยราคาสูง ญีปุ่นถูกสุดค่า คู่ละพันนิดๆ เมืองไทยขายสองพันกว่าบาท ไม่รู้ตอนนี้ราคาลงหรือยังนะคะ asics เป็นรองเท้าเด็กที่ดีไซน์มาให้เหมาะกับเท้าหัดเดินของเด็ก พื้นจะหนา หน้ากว้าง ใส่ง่าย มีหลายสี แบรนด์โปรดอิชั้นมาก ถ้าเป็นรองเท้าลำลองกึ่งแตะ ก็มี nike ที่โอนะ ไม่แพง ซักได้บ่อย อีกยี่ห้อที่ใส่ง่าย แต่เราว่าเด็กต้องเดินแข็งหน่อย เพราะพื้นไม่ได้หนามากคือ victoria เราชอบทรง น่ารักดี เข้ากับเสื้อผ้าง่ายด้วย

asics baby shoes

วันนี้คิดออกแค่นี้อะ สมองไม่ค่อยแล่น อากาศมันร้อนเกินไปแล้วมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวคิดออกแล้วมาเขียนต่อน้าา xx

0

Recommended kids’ shopping places in Hong Kong

พอดีที่บ้านต้องเดินทางไปฮ่องกงบ่อย เราเลยไปฮ่องกงกันค่อนข้างบ่อย เฉลี่ย 2 เดือนครั้ง ฮ่องกงเป็นการเดินทางขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศของไท ตอนนั้นไทอายุประมาณ 4 เดือน เพราะฉนั้น พอไปถึง อย่างแรกที่หาคือมีที่ไหนที่ขายของเด็ก ของใช้ ของกิน ทุกสิ่งอย่าง เพราะคิดก่อนเลยว่า ถ้าขาดเหลืออะไร ต้องไปที่ไหน โชคดีแถวบ้านที่ฮ่องกงมีห้างที่ขายของเด็กเยอะมาก เลยอยากจะมาแชร์ เพราะเห็นว่าฮ่องกงเป็นประเทศที่ทุกครอบครัวน่าจะเลือกไปเป็นอันดับต้น หากจะพาลูกไปเที่ยว เพราะเดินทางง่าย เวลาบินสั้น

การเดินทาง ที่พัก

ง่ายอยู่แล้ว เลือกสายการบินได้เยอะ ไม่ต้องทำวีซ่า หาโรงแรมที่เราโอเคทั้งเรื่องราคาและ location แต่โดยมากโรงแรมถ้าดีๆหน่อย ราคาจะสูง เริ่มต้น ห้าหกพันบาท คนไทยส่วนมากชอบพักแถว Harbour City/Ocean Terminal เพราะshopping ง่าย มีทุกร้าน ก็จะมีพวกโรงแรมที่อยู่ในตัวห้างเลย Prince, Marco polo, Hong Kong, Royal pacific ราคาพอรับได้ ห้องพอรับได้า ถ้าดีหน่อย เดินไม่ไกล แนะนำ Langham Hotel ห้องดี แต่แพง

Kids’ shopping places

1. AEON Mall ทุกสาขา โดยมากอาจจะอยู่ในห้าง และไม่ค่อยอยู่ในตัวเมือง ต้องนั่งใต้ดินออกมา แต่ไม่ไกล ฮ่องกงไปไหนก็ใกล้ค่ะ แผนกขายของเด็กที่นี่ มีทุกอย่าง เสื้อผ้า รองเท้า ของใช้ รถเข็น แพมเพิส ส่วนมากเป็นยี่ห้อของญี่ปุ่น เคยเทียบราคากับญี่ปุ่น ต่างกันไม่เยอะ บางทีมีของให้เลือกเยอะกว่าญี่ปุ่นด้วย แต่ฮ่องกง แพมเพิสแพง นอกนั้นซื้อได้หมด เราชอบมาก จะมีห้องให้นม เปลี่ยนแพมเพิสสะอาดมาก ไปแล้วไม่ต้องกังวลเลยว่าจะหาอะไรไม่ได้ ถ้าลูกหิวนม เหนื่อย ก็เข้าไปพักใน nursery room

http://www.aeonstores.com.hk/ จะมี store locator ลองหาดูค่ะว่าร้านไหนใกล้เรา

2. Supermarket ที่ขายอาหาร ขนมเด็ก ส่วนมากเราชอบหาซื้อพวกของกิน organics เพราะเมืองไทยขายแพงและตัวเลือกน้อย แต่ supermarket ที่นี่มีให้เลือกเยอะดี โชคดีอีกว่าแถวบ้านมี supermarket ดีๆหลายอันที่ขายของกินเด็ก ลองหาดูนะคะว่าใกล้ๆที่พักมี supermarket เหล่านี้ให้ไปเดินเล่นป่าว

Supermarket ใหญ่ๆ ก็มี  ข้อมูลนี้ขอยืมมาแปะจาก http://www.hongkongfanclub.com นะคะ

Taste 

Festival Walk (Kowloon Tong)
Citygate (Tung Chung)
Stanley Plaza (Stanley)
Hopewell Centre (Wan Chai)
East Point City (Hang Hau, Tseung Kwan O)
Maritime Square (Tsing Yi)
Olympian City 2 (Tai Kok Tsui)
Metroplaza (Kwai Fong, Kwai Chung)
TMTplaza (Tuen Mun)

City Super ราคาสินค้าจะแพงสุด
Times Square, Causeway Bay
Harbour City, Tsim Sha Tsui
ifc mall, Central
New Town Plaza, Sha Tin

Park and Shop

Park and Shop จะหาเจอตามท้องถนน ถ้าเจอสาขาใหญ่ ของก็จะเยอะกว่าสาขาเล็กค่ะ

http://www.parknshop.com/WebShop/StoreLocatorPage.do

Wellcome

สาขาจะเยอะมาก เดินๆก็จะเห็นได้ทั่วไป ราคาถูกสุด แต่สินค้าจะไม่หลากหลาย ส่วนมากจะเป็นของพื้นๆ ไม่มีพวก organics ค่ะ

3. ร้าน baby store ที่ขายแต่ของเด็กเลย จะแนะนำบางที่ เพราะถ้ามีเวลาจำกัดก็เลือกแวะไปดูแค่ร้านเดียวก็พอค่ะ บางอย่างหาซื้อเมืองไทยได้ ก็ไม่จำเป็นต้องขนกลับมา นอกจากว่าราคาถูกกว่ากันเยอะ

  • eugene baby มีทุกอย่างร้านใหญ่มาก แต่เราว่าราคาค่อนข้างสูง แต่ร้านนี้มีเกือบทุกแบรนด์ที่เป็นของเด็ก ขายพวกเฟอร์นิเจอร์เด็กด้วย http://www.eugenegroup.com.hk/index_shoplist.php
  • babiesrus อันนี้เรายังไม่เคยไป แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของ toysrus ที่ทำแยกออกมาขายของเด็กโดยเฉพาะ http://www.babiesrus.com.hk/
    • Toys R Us, 3/F, Windsor House, Causeway Bay, HK  (Tel: 2991 6222)
      Toys R Us, 3/F, City Plaza, Taikoo Shing, Quarry Bay, HK
      Toys R Us, Shop 01-02, Level 2, Festival Walk, 80 Tat Chee Ave, Kln Tong, Kln  (Tel: 2265 7933)
      Toys R Us, Shop B032, Ocean Terminal, Harbour City, 3 Canton Rd, TST, Kln  (Tel: 2730 9462)
      Toys R Us, G/F, Level 1, New Town Plaza III, Shatin, NT  (Tel: 2605 2225)
      Toys R Us, 219 Maritime Square, Tsing Yi, NT  (Tel: 2431 1118)
      Toys R Us, 5/F, Tsuen Wan Plaza, Tsuen Wan, NT

4. ร้านอาหาร เอาจริงๆว่า เราว่าร้านอาหารในฮ่องกงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเด็กมากเท่าไหร่ ไปร้านไหนก็ต้องคอยขอเก้าอี้เด็ก ถ้าไปพวกร้านติ่มซำ ก็จะให้เหมือนเก้าอี้เสริมวางบนเก้าอี้ธรรมดา ดูงงๆหน่อย ก็ต้องขอนะคะ เพราะทราบกันดีว่าการบริการของคนฮ่องกงมันเป็นยังไง อย่าไปคาดหวังเยอะค่ะ น้ำขาที่ให้ตามร้าน ส่วนมากคนฮ่องกงเอามาล้างตะเกียบกับช้อนค่ะ ไม่ค่อยกินกัน เราก็ควรล้างค่ะ เพราะถ้าเคยเห็นวิธีการล้างจานของแต่ละร้าน จะไม่กล้ากินอะไรค่ะ

5. ห้องน้ำ อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องทำใจค่ะ ห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนแพมเพิส มันกจะโอเค ถ้าอยู่ในห้างใหญ่ๆ แต่ถ้าตามท้องถนน ทำใจค่ะ เตรียม wet tissue ไปเยอะๆค่ะ พวกร้านอาหารจะไม่ค่อยให้กระดาษทิชชูนะคะ ต้องพกติดตัวตลอด น้ำเปล่าก็ไม่ค่อยให้ ต้องซื้อติดตัวเหมือนกันค่ะ

6. ร้านยา ดีที่สุดซื้อตามร้าน watson, mannings เพราะจะมีเภสัชประจำ ยาบางอย่างที่เราซื้อได้ที่เมืองไทย เค้าไม่ขายถ้าไม่มีใบหมอนะคะ ซื้อพวกยาทั่วไปได้ เตรียมไปเองดีที่สุด ปกติ ถ้าไปร้านยา เราชอบไปดูวิตามินของเด็ก ของญี่ปุ่น พวกน้ำมันตับปลา เป็นกล่องเหล็ก เหลืองน้ำเงิน มีรูปเด็กแปะอยู่ กล่องละประมาณร้อยกว่าเหรียญค่ะ บางทีก็มีแพมเพิสลดราคา ลองเทียบดูกับ supermarket ข้างบนค่ะ

7. เสื้อผ้าเด็ก ถ้าเป็นพวกแบรนด์เนม ไปที่เดียวมีทุกแบรนด์ ที่ Harbour City ชั้นเดียวกับ Toysrus

น่าจะครบแล้วนะคับ สำหรับการ shopping ของเด็ก สำหรับการไปเที่ยวประมาณ 3-5 วัน ถ้ามีอะไรอยากรู้เพิ่มเติม ก็ถามมาได้คับ 🙂