0

ของใช้ ของกินเบบี๋และเด็กที่อยากจะแชร์ Part III (เน้นของกินแน่นๆ)

ว่าด้วยเรื่องหม่ำๆ เราเองขอออกตัวก่อนว่าอาจจะแนะนำได้ไม่เยอะ เพราะไทกินค่อนข้างง่าย และไม่ได้แพ้อะไร ที่อยากจะแนะนำคุณแม่ว่า เรามีทางป้องกันให้ลูกแพ้ยังไงบ้าง อย่างแรก ต้องทำกันตั้งแต่ตอนท้อง แต่สำหรับบางกรณี เราก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะพันธุกรรม ถึงแม้คุณแม่จะระวังมากแล้วแค่ไหนก็ตาม ก็ยึดหลักเดิมนะค่า อย่าเครียด ถ้าลูกแพ้อาหาร แพ้นม หรือทานข้าวยาก เด็กทุกคนมีความแตกต่างกัน อย่าเอาลูกเราไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น ลูกเราทุกคนมีความพิเศษในตัวค่ะ อย่างไท กินง่าย แต่นอนยากมากกกกก มันก็ทำให้อิแม่อย่างเราหนื่อยมากเช่นกัน

1. ตั้งแต่ตอนท้องถึงคลอด

  • สิ่งที่ไม่ควรอยู่แล้ว เราว่าทุกคนรู้อยู่แล้ว พวกเครื่องดื่มมึนเมา น้ำอัดลม เอาจริงๆ เราก็มีแอบกินโค้กบ้าง หิๆ เรายึดหลักง่ายๆว่า เลือกกินอะไรที่มีประโยชน์ ไม่มากไม่น้อยเกินไป พวกผลิตภัณท์นมวัว ควรทานให้น้อยที่สุด ไม่ได้บอกว่าห้ามเลย ก็เกินไป อย่างตอนเราท้อง คืออยากกินเค้กตลอดเวลา ก็กินแค่ให้หายอยาก มีเพื่อนบางคนคือถูกคนรอบตัวคอยบอกว่า ต้องกินนั่นกินนี่เยอะๆ เราว่า เชื่อตัวเองดีที่สุดบวกกับการหาข้อมูลอ่านเพิ่มเติม อย่างมีเพื่อนคนนึง ตอนท้องแม่สามีบอกให้กินนมเยอะๆ กินวันละเป็นลิตร ลูกออกมาแพ้นมวัวเลย ถึงบอกว่า ทานได้หมด อะไรที่มีประโยชน์ แค่ทานให้พอดี และแต่ละวัน ท่องไว้เลยว่า ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ สบายใจ ไม่เครียด
  • วิตามินที่ทานช่วงท้อง มีเพื่อนแนะนำทานวิตามิน แต่ต้องซื้อที่อังกฤษตามร้าน boots เราทานแล้วรู้สึกว่าดีมาก เพราะวิตามินมีครบตามที่คุณหมอแนะนำ และเป็นแบบรวม ไม่ต้องมานั่งกินแยกแบบที่หมอที่นี่ให้ และเป็นวิตามินแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ วิตามินแบรนด์มีให้ทานตั้งแต่ช่วงตั้งท้องจนถึงหลังคลอด ซื้อเผื่อมาเลยก็ได้ ที่ boots จะมีโปร buy 3 for 2 คือซื้อสามกล่องในราคา 2 กล่อง แต่ไม่แนะนำให้ทานตัวที่เป็น omega นะ เพราะสำหรับบางคนอาจจะทำให้น้ำนมข้นและตันได้ เราเองก็ทานแค่ตัวที่เป็นวิตามิน หนึ่งกล่องทานได้หนึ่งเดือน
Screen Shot 2558-04-05 at 9.11.18 AM

ทานช่วงท้อง

Screen Shot 2558-04-05 at 9.12.52 AM

ทานหลังคลอดและให้นม

2. อาหารเบบี๋

  • เป็นอันรู้กันนะค่าว่า เบบี๋ควรให้ทานนมแม่จนถึง 6 เดือน สำหรับบ้านที่ให้นมแม่ได้ปกตินะคะ จนเข้าสู่เดือนที่ 6 ก็เริ่มป้อนอาหาร เราได้เป็นตารางจากคุณหมอธิดาวรรณที่โรงพยาบาล BNH มา ว่าตั้งแต่ 6 เดือนเป็นต้นไปควรทานอะไรบ้าง พอดีทำใบนั้นหายไปแล้ว เอาที่พอจะจำได้นะค่า แต่ลอง search หาดูน่าจะพอมีให้อ่านอยู่ เริ่มจิบน้ำเปล่าได้ค่ะ
  • 6-9 เดือน ทานอาหารบดละเอียด เริ่มด้วยน้ำข้าวต้มบดละเอียด เราเริ่มให้ด้วยการต้มข้าวกล้องจนเละเป็นโจ๊ก เอามาบี้จนละเอียดมากๆ อาจจะต้มกับน้ำซุปกระดูกหมู ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงอะไรเลย ประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะ เริ่มจากแค่หนึ่งมื้อ เราเลือกเริ่มมื้อกลางวัน ส่วนมื้ออื่นก็ยังทานนมเป็นเหลัก อาหารเป็นรองค่ะ ค่อยๆเพิ่มเนื้อสัตว์เข้าไป แต่ก็ต้องบดละเอียด เราให้ทานปลา 90% ส่วนมากจะไปซื้อที่ lemon farm สาขาหลังสวน เพราะปลาที่นี่จะรับมาโดยไม่ใส่สารฟอร์มาลีน ไม่ก็ของยี่ห้อ ธรรมชาติ ที่ Gourmet supermarket, Villa แต่เราชอบของ lemon farm มากกว่า สดกว่า ส่วนเนื้อสัตว์อย่างหมู ก็ซื้อของ S-Pure ผักก็ต้มบดละเอียด ผัก organics ผลไม้เราบดกล้วยน้ำว้ากับอโวคาโดให้ มะละกอก็ได้ แต่ส่วนมากจะกินแต่กล้วยน้ำว้ากับอโวคาโด เป็นผลไม้ระหว่างมื้อกลางวันกับเย็น แล้วก็แอปเปิ้ลนึ่งแล้วบดเอา
  • 9-12 เดือน เพิ่มจากหนึ่งมื้อเป็นสองมื้อต่อวัน อาหารเริ่มเป็นแบบบดหยาบ ตอนนั้นเราใช้เครื่องปั่นอาหารเด็กเอา สะดวกและละเอียดดี ไม่ต้องเมื่อยมือบด ตอนนั้นเราใช้เครื่องปั่นของ beaba babycook มีเพื่อนแนะนำมา ปั่นได้ นึ่งผลไม้ได้ เด็กบางคนถ้าฟันเริ่มขึ้นเยอะ ก็จะสามารถทานอาหารที่หยาบขึ้นได้ อย่างไทฟันขึ้นเร็วมาก ตอน 10 เดือนก็ขึ้น 4-5 ซี่แล้ว พอครบขวบก็ขึ้นเต็มปากแล้ว เลยทานอะไรได้หลายอย่างและไม่ต้องบดหรือปั่นละเอียด เบบี๋แต่ละคนไม่เหมือนกันเลยเรื่องทานอาหาร บางคนทานง่าย บางคนทานยาก ใจเย็นๆนะคะ ค่อยๆปรับ ไข่ คุณหมอไม่แนะนำให้รีบเริ่มทานไข่ และควรเริ่มจากการทานไข่แดงก่อน แล้วดูว่าเบบี๋แพ้หรือเปล่า ส่วนปริมาณ ก็อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ เช่นข้าว 1 ช้อนโต๊ะ กับข้าว (ผัก เนื้อสัตว์) 1 ช้อนโต๊ะ แต่ค่อยๆป้อนนะ ทานได้เท่าไหร่ก็เท่่านั้น อย่าไปบังคับให้ทานหมด อย่าพึ่งใส่พวกเครื่องปรุงรส เราเริ่มใส่เกลือตอนไทอายุขวบหนึ่ง อาหารทะเลอย่างอื่น นอกจากปลาอย่าพึ่งทานนะคะ

  • 1 ขวบขึ้นไป ก็เริ่มทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ได้แล้ว อาหารจะเริ่มเป็นอาหารหลัก และนมเป็นอาหารเสริมแทน เริ่มให้อาหารครบ 3 มื้อได้ แต่ต้องดูว่าลูกเราฟันขึ้นเยอะพอที่จะเคี้ยวอาหารได้มากแค่ไหน อาจจะยังต้องบดอาหารให้ทานได้ง่ายๆก่อน ไทเริ่มทานแบบปกติไม่ต้องบดตอนขวบนิดๆ เราก็เริ่มมีใส่เกลือ (sea salt) กับซิอิ้วนิดหน่อย อาหารหลักก็จะเป็น ปลาทะเล ผักเขียวผสมแครอทหรือฟักทอง ข้าวกล้อง เนื้อหมู เนื้อไก่ (เราซื้อไก่บ้านเป็นตัว ตัวเล็กๆที่ villa supermarket มี foodland บางทีก็มี ส่วนมากจะเป็นไก่บ้านตัวใหญ่) พยายามทำอาหารที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน ทำเป็นพวกต้ม นึ่ง พอสักเกือบๆสองขวยถึงเริ่มทานเหมือนผู้ใหญ่ ไทชอบเต้าหู้ เส้นอุด้ง เส้นโซบะ บะหมี เกี๊ยวจีน คืออะไรจีนๆชอบหมด 5555 เลือดแม่แรงมากกก
  • ผลไม้ ทานได้หมด ยกเว้นอารมณ์แบบทานยากไป ทานแล้วร้อนในแบบ ทุเรียน ลำไย ไม่เอาค่ะ ทานมะละกอดีมาก ช่วยเรื่องขับถ่าย กล้วยน้ำว้าทานทุกวันได้ดี วันละลูก แอปเปิ้ล มะม่วง

3. ขนม snacks

  • เราเห็นบางบ้านจะไม่ให้ทานเลย แต่เราให้นะ เป็น snack ติดกระเป๋า เผื่อหิวกลางทาง หรือเผื่อว่าอยู่บนรถนาน เลยเวลาทานข้าว แต่ก็พยายามซื้อ snack ที่เป็นพวก organics ที่ villa มีขายเยอะ เป็นพวก biscuits หรือพกพวกน้ำผลไม้ของดอยคำอย่างน้ำมะเขือเทศ น้ำมะม่วง น้ำสตรอเบอร์รี่
  • ขนมที่ไทชอบ เป็นเหมือนขนมผิง ลูกกลมๆขาวๆเล็ก ซื้อได้ที่ foodland ของญุี่ปุ่นตรงขนมเด็กเล็ก แถวๆนมผง
  • ขนมปัง wholewheat บางทีก็พกติดไว้เผื่อหิว
  • ผลไม้อบแห้ง freeze dried พกติดตัวไว้เหมือนกัน ไทชอบของ wel b ที่เป็นกล้วยกับสตรอเบอร์รี่ supermarket and 7/11 มีนะ
  • yogurt เราให้ทานเป็นของว่าง แบบน้ำตาลน้อย
  • อาหารอีกอย่างที่เราเคยให้ไททานตอนยังทานข้าวสองมื้อ เพราะกลัวช่วงบ่ายจะหิวคือ ข้าวโอ๊ตผสมผลไม้ ตอนนี้เราให้ทานเป็นอาหารเช้าทุกวัน เราว่าสารอาหารครบ แล้วก็ทำง่ายด้วย ต้มเสร็จใส่กล้วยน้ำว้าหรือผลไม้อย่างอื่นที่ลูกชอบ

ทุกวันนี้ไท 2 ขวบ 4 เดือน ทานได้หมด เคี้ยวได้หมด เวลาไปไหนก็ไม่ต้องห่วงเรื่องกิน แค่ตอนสั่งก็บอกว่าไม่ใส่ผงชูรสนะค่ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ตอนไทกทานแต่อาหารบด เวลาไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เราจะปั่นเก็บใส่กระปุกเป็นวันและมื้อไปเลย ใส่กระติกน้ำแข็ง แล้วพอถึงโรงแรมก็ฝากให้ใส่ช่องแข็ง พอจะทานก็แจ้งให้โรงแรมอุ่นให้ จะได้ไม่ต้องห่วงว่าลูกทานอะไรไม่ได้ 🙂 มีอะไรอยากถามเพิ่มเติม ถามมาได้นะค่า xx

0

What to expect after the delivery (0-3 months)

ขอยืมประโยคจากชื่อหนังสือยอดฮิตสำหรับแม่ๆนะค่า ก่อนจะคิดและเขียนเรื่องของใช้สำหรับเบบี๋ตอน 2 เลยมานั่งคิดเองเออเองว่า จริงๆ 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่คลอดไท เราทำอะไรบ้างในบทบาทของคำว่า “แม่” เลยคิดว่า ขอระลึกกลับไปตั้งแต่หลังคลอดว่า เจออะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณแม่มือใหม่ หรืออาจจะมีคุณแม่ท่านไหนที่กำลังเจอปัญหาแบบที่เราเคยเจอมาก่อน ขอเล่าเป็นช่วงๆอายุเดือนของเด็กชายไทนะคะ

ตั้งแต่วันคลอด

IMG_0228IMG_0236IMG_0235IMG_0253

  • ความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นคือ จะ คลอด ธรรมชาติ ค่ะ ก็อุ้มท้องรอ รอ รอ จนถึง week ที่ 41 ก็ยังไม่มีวี่แววว่าปากมดลูกจะเปิด ไปเดินช็อปปิ้ง midnight sale ก็แล้ว เดินสวนก็แล้ว ว่ายน้ำก็แล้ว เด็กชายไทก็ไม่ยอมออกมาสักที สุดท้ายคุณหมอบอกให้รออีกหนึ่งอาทิตย์ ถ้ายังไม่คลอดก็กำหนดว่าผ่าเลย เพราะกลัวรกเสื่อม และจาก ultrasound เด็กชายไทหัวใหญ่มาก คุณหมอกลัวอิชั้นจะเบ่งไม่ออก เพราะดูแล้วเป็นคนขี้กลัวมาก หมอแซวว่า จะไหวเร้อ แค่ตรวจปกติก็ร้องจะเป็นจะตาย สุดท้ายก็ต้องผ่าคลอดค่ะ ก็หาฤกษ์กันไป วันที่ 13 ธันวาคม 2012 (ในรูปเซตวันที่ผิดค่ะ) เบบี๋ไทก็อุแว้ออกมา ขอเล่าประสบการณ์หลอน คือตอนที่ฉีดยาบล็อคหลัง หมอบล็อคหลังก็เริ่มฉีด ฉีดเสร็จก็ต้องมาเช็คว่ายังรู้สึกตรงนั้นตรงนี้ไม๊ เราก็บอกว่ารู้สึกค่ะ หมอก็งง เราก็งงและก็กลัว พอหมอสูติเข้ามาจะเริ่มผ่า และพอเริ่มกรีด เราก็ร้องกรี๊ด เพราะรู้สึกได้ถึงการลงมือกรีดท้อง หมอและพยาบาลตกใจมาก เลยรีบโปะยาสลบเลย แต่สัณชาตญาณของความเป็นแม่มันช่างแรงกล้า เพราะขนาดโดนยาสลบ ไม่น่าจะตื่นได้ ตอนที่สลบอยู่ มันเห็นเหมือนที่เค้าเล่าๆกันว่า เห็นเป็นอุโมงค์ดำๆ แล้วเหมือนเรากำลังเดินออกมา เห็นจุดแสงขาวๆอยู่ปลายทาง พร้อมกับได้ยินเสียงเด็กร้อง เราจำได้เลยว่า เราฝืนตัวเองให้ลืมตาขึ้นมา เห็นหน้าลูกแพพนึงประมาณ 5 วินาที เห็นกอฟอุ้มและยื่นลูกมาตรงข้างหน้าเรา แล้วเราก็หลับต่อ หลังจากนั้นตื่นมาในห้องพักฟื้น คำถามแรกที่ถามพยาบาลคือลูกแข็งแรงปลอดภัยไม๊คะ พอได้ยินว่าปลอดภัย ก็หลับต่อ จนตื่นและกำลังกลับเข้าห้องพัก
  • พอถึงห้อง อย่างแรกที่อยากทำ และเชื่อว่าเป็นเหมือนกันทุกคน ยกเว้นคุณแม่ที่โชคดีได้คลอดธรรมชาติก็จะได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกน้อยเลย สิ่งแรกที่ถามและอยากทำคือ จะเอาลูกอ่ะ ลูกอยู่ไหน เอามา เอามา กอฟบอกว่ากำลังให้คุณหมอเช็คร่างกายอยู่ รู้สึกว่า หลัังจากนั้นสักไม่เกิน 20 นาที พยาบาลก็เข็นลูกมา โอ้วววว ณ โมเม้นท์นั้น ตอนที่เราอุ้มลูกเรา เด็กที่อยู่ในท้องเรามา 9 เดือน เตะเราอย่างหนักหน่วง 5555 อยู่ในอ้อมแขนเรา เชื่อว่าทุกคนคิดเหมือนกันว่า มันอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ และนั่นแหละ คือ โมเม้นท์ที่ชัดเจนมากว่า เราเป็นแม่คนแล้วนะ
  • วันเดียวกัน คุณหมอเด็กที่รับตอนเราคลอด ก็มาบีบนมว่าน้ำนมไหลยัง เราโชคดีที่น้ำนมมาเลยตั้งแต่วันแรก ก็เอาไทมาดูดจ๊วบๆเลย

วันที่สอง-วันออกจากโรงพยาบาล

IMG_0355

  • คุณหมอมาปรึกษาว่าต้องการขลิบหรือไม่ ก็ลังเลแพพ แต่ก็ตัดสินใจว่าขลิบ เพื่อสุขอนามัยของลูกค่ะ ทำตอนนี้ดีกว่าทำตอนโต พยาบาลบอกว่าไทร้องเสียงดังมาก หลังขลิบ สงสารมากอ่ะ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่เหนื่อยมากๆกับการที่ต้องให้นมทุก 3 ชั่วโมงตลอดทั้งวันและคืน เรานอนโรงพยาบาล 3 คืน ตามแพ็คเก็จ คุณหมอก็ปล่อยกลับ ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร วันกลับไปเปลียนชุดที่ห้อง nursery พยาบาลเดินมาเกือบทุกคนว่า บ๊ายบายเด็กยักษ์ เอิ่มมมม ควรดีใจมะคะ เพราะช่วงวันที่ไทเกิด ไทมีน้ำหนักตัวหนักชนะเลิศค่ะ ตัวใหญ่สุด เวลาไปดูตรงห้องกระจกแล้วเอาเบบี๋มาเรียงกัน ไทตัวใหญ่มว้ากกกกก เด็กยักษ์จริงๆอ่ะ
  • อ้อ ควรจะเตรียม carseat สำหรับรับลูกกลับบ้านด้วยค่ะ ปลอดภัยก่อนนะคะ ถ้าไม่มีก็อุ้มลูกนั่งข้างหลังค่ะIMG_0300

0-3 เดือนแรก

IMG_0439

IMG_0691

  • พอกลับบ้าน ก็เริ่มภารกิจของแม่นมวัว ด้วยความที่ไทเป็นเด็กผู้ชายและเกิดมาตัวใหญ่ ไทเลยกินเยอะและบ่อยมาก คือได้นอนตอนกลางคืนไม่เคยเกิน 2 ชั่วโมง ไม่ตื่นมากินนม ก็อึ แล้วก็ปั๊มนม สภาพร่างสองพ่อแม่เป็นซอมบี้มากๆ
  • ปัญหาที่เครียดที่สุดช่วงแรกคือ หัวนมแตกค่ะ เพราะไทดูดแรงและการดูดไม่ถูกต้อง อยากจะบอกว่า ไม่เคยเจ็บอะไรอย่างนี้มาก่อนในชีวิต แตกเลือดออก แต่ก็ยังฝืนให้ต่อไป ต้องป้ายยาแก้ร้อนในที่หัวนม คือลูกดูดไป ร้องไห้ไปเพราะเจ็บมาก ตอนนั้นกอฟสงสารเรามาก บอกว่า หยุดให้ดีไม๊แล้วให้นมสต็อคหรือนมผง เราแบบคิดแล้ว ไม่อะ สู้ต่อ เพราะช่วงเดือนแรก ถ้าเริ่มให้ขวดก็จะติดขวด และกลับมาดูดเต้ายาก สุดท้ายเราก็อดทน จนปรับ position ของปากไทเวลาดูด และโชคดีที่ไปเจอพยาบาลที่สมิติเวช สุขุมวิท ช่วยสอนท่าให้นม จนทำได้ในที่สุด หลังจากผ่านไปเกือบสองเดือน พูดเลยว่าเครียดมากๆๆๆๆๆๆๆ ตอนนั้นไล่โทรหาเพื่อนๆพี่ๆที่มีลูกกระจาย แต่ไม่มีใครที่เยินเท่าเรา และต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้คำปรึกษาด้วยนะค่า
  • ต่อมาด้วยปัญหาที่สอง เต้านมคัดอักเสบ เป็นก้อน เพราะขี้เกียจปั๊มทุกสามชั่วโมง เกเรไง แล้วนมก็เยอะและข้นมาก จนแข็งเป็นก้อน ไข้ขึ้น ตัวสั่น รีบไปหาหมอที่ BNH ก็โดนค่ะ โดนบีบและรีดนมตรงที่เป็นก้อน ตายตรงนั้นเลยค่ะ หมอต้องให้พยาบาลสองคนมาตรึงแขนไว้ อิชั้นกรี๊ด ร้องไห้ลั่นโรงพยาบาล อันนี้เจ็บที่สุดในชีวิตอีกครั้ง โชคดีว่ายังไม่เป็นหนอง ไม่ต้องเอาเข็มเจาะเข้าไป กินยาแก้อักเสบ และก็กลับมาให้นมต่อไปค่ะ เพราะฉนั้น ต้องมีวินัยในการปั๊มนมค่ะ และถ้ายังเป็นก้อนไม่มาก การให้ลูกดูดจะดีที่สุดและหายเร็วที่สุด โดยไม่เจ็บตัว และอย่าทานอะไรมันๆ เพราะจะทำให้น้ำนมข้นและอุดตันได้ง่าย
  • ทั้งนี้ สำหรับคุณแม่บางท่านที่มีปัญหาเรื่องน้ำนมน้อย ไม่พอ เท่าที่เราเคยอ่าน น้ำนมสามารถกระตุ้นได้ด้วยการให้ลูกดูดกระตุ้น แต่ก็มีเพื่อนๆบางคนที่น้ำนมน้อยจริงๆ สำหรับเรา ยอมรับว่าตอบไม่ได้ว่าต้องทำยังไง แต่เราแนะนำว่า ปรึกษาคุณหมอเด็ก ที่โรงพยาบาลที่เน้นการให้นมแม่เท่านั้น จะดีที่สุด คุณหมอจะดูน้ำหนักลูก และให้คำแนะนำได้ ย้ำนะคะ ควรไปปรึกษาคุณแม่ที่โรงพยาบาลที่เน้นการให้นมแม่เท่านั้นค่ะ และที่สำคัญ ห้ามเครียดว่าทำไมไม่มีนม ห้ามเปรียบเทียบกับแม่คนอื่น เราทุกคนย่อมอยากจะทำดีที่สุดสำหรับลูกเรา อย่าไปเครียด ยิ่งเครียด น้ำนมยิ่งหดค่ะ ดื่มน้ำเปล่า ไม่เย็น เยอะๆ หัวปลีช่วยได้จริงๆ แต่ถ้าอดทนทานแบบจืดได้ยิ่งดี การที่เราไม่สามารถให้นมลูกได้ โดยที่เราพยายามแล้ว ไม่ใช่เรื่องผิดค่ะ อย่าโทษตัวเองเด็ดขาด
  • การอยู่เดือน อาหารการกิน แม่เราเคร่งมากกกกก หนึ่งเดือนที่เรากินอาหารโดยไม่ใส่เกลือสักอย่าง แล้วเมนูเนี่ย ทุกวันนี้เลยเลิกกินเลยค่ะ เมนูคือ กระเพาะปลาสด หัวปลีกระดูกหมู ตับหมู ปลานึ่ง ไก่ดำ (จริงๆไม่ควรใส่สมุนไพรนะคะ เพราะสมุนไพรบางตัวก็ไม่ได้ดีกับการอยู่เดือนทุกอย่าง) กินวนมันอยู่อย่างนี้หนึ่งเดือน โดยไม่มีเกลือแม้แต่หยดเดียว อดทนค่ะ เพราะคนจีนเชื่อว่า การอยู่เดือนเปรียบเสมือนการเกิดใหม่ของผู้หญิง ก็ต้องทานอะไรที่ดีที่สุด เพื่อบำรุงเลือดที่เราเสียไปตอนคลอด และเพื่อตอนเราอายุมากขึ้น จะไม่ป่วยง่าย หลังออกเดือน อิชั้นทานอย่างบ้าคลั่งมาก แต่ก็ต้องระวัง เพราะจะมีผลกับน้ำนมค่ะ
  • อาบน้ำ สระผมได้หรือไม่ คือปกติเป็นคนต้องสระผมทุกวัน เพราะฉนั้นพูดเลยว่า ทำไม่ได้ค่ะ แต่อาบและสระน้ำอุ่นเท่านั้น และรีบเช็ดให้แห้ง เป่าผมให้แห้ง ถ้าคุณแม่ท่านใดทำได้ อิชั้นนับถือมากค่ะ
  • อยู่ไฟ อันนี่แล้วแต่ความชอบและความเชื่อเลย เราเองไม่ประทับใจกับการอยู่ไฟ เพราะคนที่มาทำ มือหยาบ นวดแรง ไม่ชอบเลย เลยเลิกตั้งแต่วันที่สอง เสียตังค์ฟรี เลยถามคุณหมอสูติว่า การอยู่ไฟนี่ตกลงจำเป็นหรือไม่ คุณหมอบอก จริงๆแล้วไม่จำเป็น บางครั้งมีผลเสียกับร่างกายด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นความเชื่อของคนไทยมาช้านาน ถ้าทำถูกวิธี ไม่รุนแรงก็ไม่มีปัญหาอะไร เพื่อนหลายคนชอบนะ เพราะรู้สึกเหมือนผ่อนคลาย มีการนวด สครับไรงี้ เราโชคไม่ดีเจอหมออยู่ไฟไม่ดีหง่ะ
  • เชื่อว่า คุณแม่ทุกท่านน่าจะรู้ตรงกันว่า 0-6 เดือนให้ทานแต่นมแม่หรือนมเท่านั้น ไม่ควรเสริมอาหารใดๆทั้งสิ้น ใครจะมาพูด จะมาว่า อย่าไปเอามาเครียดค่ะ เราเองก็คนหนึ่งและรวมอีกหลายล้านคนทั่วโลกที่เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างเดียวจน 6 เดือน แล้วลูกก็แข็งแรง ปกติดี น้ำก็ไม่ต้องทานนะคะ แต่ไม่แน่ใจจริงๆว่า ถ้าทานนมผง อาจจะต้องมีให้ทานน้ำตามหรือเปล่า สำหรับนมแม่ ไม่ต้องให้ทานน้ำค่ะ
  • ช่วงสามเดือนแรก ถือว่าเป็นช่วงปรับตัวทั้งสำหรับพ่อแม่ และลูก ลูกเราพึ่งเกิดมา เราเชื่ออย่างหนึ่งว่า ลูกก็คงงงๆเหมือนกับที่พ่อแม่งงนี่แหละ แต่ละบ้านก็เจอปัญหาแตกต่างกันไป แต่อย่าท้อ อย่าเครียด แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอ อ่านหนังสือ google ถามเพื่อนๆพี่ๆที่มีประสบการณ์ค่ะ อย่างเราจะชอบมากถ้ามีใครมาถาม ชอบตอบมากกก website ที่เราอ่านประจำและสมัครให้ส่ง email หรือ dowload app ได้คือ babycentre.co.uk จะแบ่งเป็นช่วงอายุของเด็กให้เราอ่าน
  • ลูกนอนเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะกลางวันกลางคืน เราต้องหลับทันทีค่ะ เรียกว่าลักหลับ เราเองต้องพยายามพักผ่อนให้ได้มากที่สุด พอพ้น 3 เดือน ทุกอย่างจะดูง่ายขึ้นมาก ท่องง่ายๆว่า ลูกหลับเราหลับ เพราะอย่าลืมว่า ในขณะที่ทุกคนหลับ เราต้องตื่นมาปั๊มนมทุก 3 ชั่วโมงค่ะ

IMG_0808

ไว้มาเขียนต่อสำหรับเดือนถัดไปนะค่า วันนี้เขียนสองโพสต์แล้ว เดี๋ยวเบื่อกันก่อนหง่ะ xx

0

เด็กชายไทไปเที่ยวญี่ปุ่น แบบมีหิมะโด้ย January 2015

11081364_10155347659085052_7548653137924373468_n

เคยเกริ่นๆแพพๆว่า ทริปนี้ พ่อแม่เตรียมตัว เตรียมใจและเตรียมเงินไว้ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว เพราะพ่อติดใจเล่น snowboard ตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว ก่อนท้องนินุง เลยยังไม่ได้ไปสักทีตั้งแต่คลอดไท และพอไทโตพอจะวิ่งจะเดินได้ ถึงได้ระริกระรี้รีบแพลนสุดๆ โชคดี คราวนี้สะสมไมล์ไว้ เลยประหยัดค่าตั๋วไปได้เยอะ แต่ก็เสียค่าไม่ฉลาดเรื่องที่พักไปหลายอยู่ที่โตเกียว เป็นบทเรียนค่าาาา

เราแพลนไป Niseko เพราะพ่อแม่เคยไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว พ่ออินกับ snowboard มาก แม่พยายามเรียนและอินแล้วแต่ล่ม ล้ม เจ็บ คอเคล็ด พ่อกลับมาฝันถึงการเล่น snowboard เป็นเวลาถึงสี่ปี คืออินมากกกกกกกจีจี คราวนี้เป๊าเลยตัดสินใจว่า ไม่เอา snowboard ละ จะลอง ski ดู เพราะปีหน้าไทจะเริ่มเรียนสกีได้ แล้วถ้าแม่เล่นไม่ได้เลย มันดูจ๋อยๆอะ เกริ่นเกี่ยวกับ Niseko แพพ Niseko ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่เล่น snowboard and ski ที่ดีที่สุดในเอเชียหรือเกือบๆในโลก เพราะเขามี powder snow หิมะของเขาจะนุ่มนิ่มเป็น powder ก็จะทำให้นักเล่นทั้งหลายเล่นมันส์ สนุก ไม่ค่อยเจ็บเวลาล้ม วิวสวย หิมะสวย เขาสวย คนไปเล่นส่วนมากก็จะเป็นต่างชาติซะเยอะ คนญี่ปุ่นส่วนมากจะไปเล่นที่ Nagano เพราะใกล้โตเกียวกว่าเยอะ เดินทางง่าย

แต่คนไทย ก็สามารถบินตรงไปลง Chitose (Sapporo)แล้วนั่งรถต่อไปประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึง การเดินทางก็ไม่ยากนะ การบินไทยมีบินทุกวัน แต่ได้ข่าวว่าจะยกเลิกเส้นทางนี้เร็วๆนี้ เสียใจหง่ะ

นั่งรถบัสจากสนามบินไปถึง Niseko ได้เลย เรื่องการจองห้อง อย่างของเป๊าไปกันสามคนพ่อแม่ลูก ก็จองของ www.holidayniseko.com เป๊าเลือกพักที่ Snowbird เพราะราคาไม่แพง ใกล้กับที่เคยพักหลายปีก่อน แล้วก็ใกล้พวกร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ดูจากในรูปก็เป็นห้องมีครัว ห้องน้ำครบไรงี้ ของเจ้านี้เค้ามีพักหลายราคานะ แพงกว่าดีกว่า หรือ ถูกกว่าหน่อยก็มี ลองเทียบๆดู เพื่อนที่ไปด้วย เค้าไปกันสิบกว่าคน ก็เช่าบ้านทั้งหลัง สวยดี ห้องนอนหลายห้องมาก แต่ก็ราคาสูงใช้ได้ คือถ้าไปเป็นสิบคน เช่าเป็นบ้านก็จะคุ้มกว่าค่ะ

ไปถึง สำหรับใครที่ไม่เคยเล่นเลย แนะนำให้ลงเรียนคอร์สอย่างน้อยๆ 3-4 วัน ถ้าเรียนเราจะได้พื้นฐาน ทำให้เล่นได้เร็วขึ้น แต่เป๊าก็ช้านะ เป็นพวกขี้กลัว ถ้าไม่กลัวนี่ ไปเร็วชัวร์ๆ แล้วก็ซื้อบัตรขึ้นไปเล่นตามเขาต่างๆ จะซื้อเป็นต่อวันแบบ one day pass or 2-3-4-5 days pass ได้หมด ยิ่งซื้อวันเยอะก็ถูกลง และถ้าพึ่งเริ่มเล่น ก็ไปเช่าพวกอุปกรณ์อย่าง snowboard or ski, boots, เสื้อผ้าก็เช่าได้หมด ยกเว้นถุงมือถุงเท้าต้องซื้อเอง ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะชอบเล่นหรือไม่ ไปเช่าก่อนโนะ ชอบแล้วค่อยมาช็อปปิ้งอุปกรณ์ค่ะ อยู่ที่ Niseko ไม่มีร้านอะไรเยอะ วันๆก็หมดเงินไปกับถุงมือ หมวกไหมพรม คือแบบ ถามว่า ใส่ปีละกี่ครั้งค่ะ เอาหน่ะ เล่นไม่เก่ง แต่อุปกรณ์ดีเด่นละกัน ถ่ายรูปสวยๆเกร๋ๆงี้ ส่วนใครทีเคยเล่น คงไม่ต้องแนะนำอะไรมากคับ

ตอนนี้ที่แพลนไว้ ก็รอไทอายุ 3 ขวบ จะไปประมาณเดือนก.พ. ปีหน้า เพราะไทจะเริ่มเรียนสกีได้แล้ว เริ่มเรียนเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นเร็ว คุณครูบอกว่าเด็กๆจะเรียนรู้ได้ไวมาก เพราะศูนย์แรงโน้มถ่วงของเด็กกับโลกมันใกล้กว่าผู้ใหญ่ เด็กๆเวลาเล่นก็จะไม่กลัว ตอนเรียนแล้วเห็นเด็กๆ 3-4 ขวบเรียนอยู่ นี่อายมากกกกก รอค่ะ รอปีหน้า จะพาไทเรียนค่ะ แม่ก็ต้องเรียนค่ะ จะได้เล่นกับลูกได้ 🙂

เราอยู่ที่ Niseko 5 คืน ก็บินเข้าโตเกียวเที่ยวต่ออีก 5 คืน โตเกียวคงไม่ได้เล่าเยอะ เพราะไม่ได้ออกจากโตเกียวไปเที่ยวไหน อยู่แต่ในเมือง แต่ก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ใหม่ๆ จากเดิมๆที่ไปแต่ shinjuku shibuya ginza คราวนี้ได้ไป daikanyama ชอบมาก นั่งใต้ดินไปไม่กีสถานี เป็น shopping street เดินได้เรื่อยๆ มีเวิ้งที่เป็นร้านหนังสือ kino น่ารักดี เหมาะกับการให้เด็กไปเดินเล่น หมาเยอะมาก น่ารักดี มีร้านจักรยานให้เช่า มีแบบที่มีเก้าอีเด็กด้วย ตอนไปหนาวเกิ๊น เลยไม่ได้เช่า กะว่าคราวหน้าไป จะลองเช่าขี่วนรอบๆดู

อย่างเดียวที่พลาดในทริปนี้ คือดันไปจองห้องกับ airbnb กะจะประหยัด เป็นบ้านเจ๊มาจาก Chili ดูในรูปโอค่ะ พอไปถึงเครียดค่ะ ไม่เปิด heater บ้านแม่งหนาวมาก อาบน้ำต้องรอให้น้ำอุ่นสักพัก พอเปิดทิ้งไว้ ก็มาว่า คือชีงกอีก คืนแรกอาบน้ำเสร็จ ไทออกมาปากม่วงเลย ส่วนอิแม่ นอนไม่ได้ทั้งคืน คลุมโปงก็แล้ว ก็ยังหนาวอยู่ ตื่นมาหาโรงแรมใหม่เลยค่า ยอมเสียตังค์ที่จ่ายไปแล้ว ไม่กล้าบอกเจ๊แกตรงๆ เพราะดูแกไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่ เลยบอกว่า เราเปลี่ยนแผนไปเที่ยวต่างจังหวัดแทน แล้วก็รีบเก็บของออกตอนเจ๊แกออกจากบ้านไปแล้ว ไปนอนที่ Shinjuku Granbell ห้องเล็กตามสไตล์ เดินไกลอยู่ แต่ห้องสะอาดใหม่ คนไทยพักเยอะเหมือนกัน ราคาโอเค ไม่มีอาหารเช้า

อ้อ แนะนำอย่างนึง ถ้าต้องการนั่งแท็กซี่ นอกจากเรียกปกติแล้ว UBER ญี่ปุ่นดีมาก ราคาใกล้เคียงกับแท็กซี่ปกติ เราเรียก UBER ไปสนามบิน Haneda เพราะกระเป๋าเยอะมาก ก็ประมาณ 10,000 yen ถ้านั่งแท็กซี่ต่อรถบัส ต้องขนของเองก็ประมาณ 5,000 เยน

สรุป we had a wonderful 10 days trip ka และ Japan ก็เป็น top destinations ในใจมี้ตลอด อยากจะไปมันทุกเดือน LOL

0

การตัดสินใจที่จะมีคนๆหนึ่งเดินข้างเราไปตลอด

IMG_0016

โดยส่วนตัว เราไม่ค่อยชอบคำว่า แต่งงาน เท่าไหร่นะ ไม่รู้ทำไม แค่รู้สึกว่ามันดูผูกมัด มันดูเป็นทางการ เป็นพิธีการ เรายอมรับเลยว่า ตั้งแต่เด็ก เราก็มีความฝันแบบเจ้าหญิงว่า อยากจะได้แต่งงานกับผู้ชายหล่อๆ รวยๆ อยู่ในบ้านใหญ่ๆ อะไรแบบนั้น จนโตขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เห็นปัญหาของครอบครัวตัวเองมาตลอด และการที่เราเป็นลูกคนโต ยิ่งต้องรับภาระหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปรับผิดชอบ รับรู้มากที่สุด จนมีคำถามว่า อะไรคือความหมายของคำว่า แต่งงาน จริงๆมันก็คือการประกาศให้ทุกคนรู้ว่า นี่นะ ชั้นจะอยู่กินกับคนๆนี้นะ ชั้นจะตั้งท้องมีลูกกับคนนี้นะ และทุกวันนี้ รอบตัวเรา ก็ได้รับรู้ถึง การเลิกกัน การหย่าร้างของหลายๆคู่ เคยมีบางคนมาพูดกับเรานะ ว่าระบบการแต่งงานมันจะล่มสลายในอนาคต เพราะสัทธิการแต่งงาน ผัวเดียวเมียเดียว จริงๆก็พึ่งจะมีมาไม่นาน ดูสมัยก่อน ประวัติศาสตร์จีน ฝรั่ง ไทย ผู้ชายที่มีฐานะร่ำรวย สังคมชั้นสูง ก็ล้วนแล้วแต่มีหลายภรรยา ก็จริงนะ แต่สำหรับเรา เราเชื่ออย่างหนึ่ง ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราเชื่อในเรื่องของความซื่อสัตย์ เชื่อว่าที่เราตัดสินใจจะแต่งงานกับคนๆนี้ ไม่ใช่เพราะคำว่า แต่งงาน แต่เพราะเราตัดสินใจที่อยากจะใช้ชีวิตที่เหลือของเราเดินไปกับคนๆนี้ไปตลอด เราชื่นชมและยิ้มทุกครั้งที่เราไปต่างประเทศหรือคู่สามีภรรยาต่างชาติ โดยมากเป็นชาวยุโรปที่เค้าเดินจูงมือกัน ไปเดินเล่นในสวน หรือถ้าพอยังมีกำลังวังชาเที่ยวได้ ก็จะเห็นพากันไปเที่ยวต่างประเทศกันสองคนสามีภรรยา ทำไมพวกเค้าถึงทำได้หล่ะ เราคิดเองนะ เพราะคนเหล่านี้ เค้าเชื่อในชีวิตคู่ เชื่อในคำมั่นสัญญาที่เค้าให้ต่อกันว่าจะดูแลซึ่งกันและกัน แน่นอน ไม่มีคู่ไหนที่ไม่เคยทะเลาะกัน แต่เราก็เชื่ออีกแหละว่า ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา ว่าจะเชื่อในชีวิตคู่และบั้นปลายชีวิตเราอย่างไร

สามีเราอายุน้อยกว่าเราเกือบสามปี ตอนเจอกัน พี่แกเด็กมา พึ่งเรียนจบ ตอนเจอกัน ไม่ได้คิดแบบที่เขียนมาด้านบนหรอก แต่เป็นผู้ชายคนแรกที่เราอยากจะเป็นคนเข้าหาก่อน เพราะพี่แกไม่ทำอะไรเลย ในสมัยนั้น ยังมี msn อยู่ เพื่อนรักก็น่ารักนะ แทนที่จะให้เบอร์ไปเลย ดันให้ msn เพื่อ??? เราก็รอ ร้อ รอ ให้เค้าแอดมา ไม่มาสักที จนถอดใจละ พี่แกถึงได้โทรมา นั่นคือจุดเริ่มต้น เราคุยกันเร็ว คบกันก็นับว่าเร็ว ก่อนจะตัดสินใจคบกัน ช่วงนั้นเรารู้สึกเบื่อกบการทำงานมา มีปัญหากับครอบครัวเยอะ เพราะการที่ทำงานกับที่บ้านเนี่ยแหละ เลยอยากจะไปหาอะไรทำ ที่เราไม่เคยทำ เลยลองหาค่ายอาสาเป็นครู จนเจอ โครงการครูบ้านนอก ก็ตัดสินใจไปด้วยกัน เพราะจะได้เห็นๆรู้ๆกันไปเลย เพราะชีวิตที่ผ่านมา ก็เจอผู้ชายมาหลายแบบนะ เริ่มต้นสวยหรูหมด สุดท้ายก็เลิกไม่เป็นท่าเกือบหมด สี่วันสามคืนของการไปค่ายด้วยกัน เลยตัดสินใจว่า อยากจะคบกับคนๆนี้ เพราะเค้าดูธรรมดา ติดดิน ออกติสต์มากๆ

จริงๆก่อนไปค่าย เราเกือบจะไม่ได้มีชีวิตคู่กับคุณสามีแล้ว ก็ดูเป็นปัญหาที่เราเชื่อว่าหลายๆคนเจอเหมือนเรานะ ตอนแรกที่เจอกันคุยกัน พี่แกยังไม่ได้รู้ว่า เราทำงานอะไร ธุรกิจที่บ้านทำอะไร จนมีวันหนึ่ง พอพี่แกรู้ อยู่ดีๆพี่แกก็หายไป ไม่โทรมา เราก็งงมาก พอได้คุย ถึงได้รู้ว่า เค้ากลัวกับ background ครอบครัวของเรา เราเข้าใจนะ แต่เราก็พูดว่า เงินทอง ธุรกิจไม่มีอันไหนที่เป็นของเราเลย เพราะพ่อแม่เราพูดเสมอว่า เราจะไม่ได้อะไรทั้งนั้น เราจะต้องสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง ถ้าจะคบกันต่อ เราต้องช่วยกันทำ ช่วยกันสร้างโดนที่ไม่พึ่งพาครอบครัวของเราเลยนะ เพราะฉะนั้นยังจะกลัวอีกป่าว จริงๆก็คงยังกลัวแหละ แต่โดนเราบังคับให้คบต่อ แหะๆ

ขอข้ามมาตอนแต่งงาน สิ่งหนึ่งที่เราภูมิใจมากคือ งานแต่งงานของเรา ไม่ไดัยิ่งใหญ่ เน้นจำนวนคน เพราะเราคุยกันแล้วว่า เราไม่ต้องการงานใหญ่ และเงินทุกบาททุกสตางค์ แม้แต่แหวนแต่งงาน ก็เป็นเงินที่คุณสามีหามาเองทั้งหมด ตอนเราแต่งงาน แหวนแต่งงานเราไม่ได้ใหญ่อะไรเลย ความจริิงก็อยากได้นะ คุณสามีบอกว่า ตอนนี้ซื้อได้แค่นี้ก่อนนะ ไว้หาเงินได้เยอะกว่านี้ จะซื้อวงใหญ่ให้กว่านี้ ตอนนั้นดีใจมาก ไม่ใช่เพราะจะได้วงใหญ่นะ แต่คิดว่า ขอบคุณนะ สำหรับความตั้งใจที่จะทำ ไว้วันหนึ่งที่เราหาเงินกันได้มากกว่านี้ เราคงอยากเอาไปใช้ในเรื่องที่เราอยากทำมากกว่า โดยเฉพาะเรื่อง “เที่ยว” จะมาร่ายยาวกันต่อ ถึงการเสพติดการเที่ยวของข้าพเจ้า 🙂

นั่นแหละ ทำไมเราถึงตัดสินใจที่จะเดินไปกับคุณสามีเราไปตลอด 😉