0

ของใช้ ของกินเบบี๋และเด็กที่อยากจะแชร์ Part II (แพมเพิส, ของเล่น, เสื้อผ้า รองเท้า)

มามะ มาต่อกันเรื่องช็อปปิ้ง ความสุขเล็กๆน้อยของมนุษย์แม่ กอฟเคยว่าเราบ่อยมากว่า เห็นแผนกเด็กไม่ได้ เป็นต้องรี่ใส่ แล้วก็ต้องคอยหาเรื่องซื้ออะไรสักอย่าง ทั้งๆที่มีอยู่แล้วอ่ะนะ 5555555 แต่ก็ยังคงซื้อต่อไป จนมาระลึกได้ว่า ของลูกเยอะมาก เต็มบ้าน เต็มทุกห้อง เลยมานั่งตั้งสติและบอกตัวเองทุกครั้งก่อนจะซื้ออะไร ถามตัวเองว่า มีหรือยัง จำเป็นไม๊ ใช้ได้นานหรือเปล่า ก็ช่วยได้เยอะ ประหยัดไปเยอะเหมือนกัน

ต่อค่ะ item ชิ้นต่อไป ขาดไม่ได้ คือ

1. Pampers/Diapers

  • เป็นประมาณปัจจัยสี่ของการเลี้ยงลูก สำหรับใครที่มีเพื่อนพึ่งคลอดลูก แนะนำให้ซื้อแพมแพิสให้ค่ะ แต่อย่าซื้อแต่ newborn นะคะ ซื้อคละไซส์ไป เราว่าไซส์ที่ใช้ได้นานสุดคือไซส์ M
  • ส่วนยี่ห้อ ที่เราใช้มาในเมืองไทยนะคะ Mamy Poko ดีที่สุด ซับฉี่ได้ดีที่สุด รุ่นแพงสุดอ่ะ จำไม่ได้ว่ารุ่นอะไร สำหรับเด็กแรกเกิด ยังไงก็ต้องใช้แบบเทป สิ่งที่อยากจะแนะนำคือ ใช้แบบเทปจะซึมซับได้มากกว่าแบบกางเกง (เมื่อถึงวัยใส่กางเกงแล้วนะ) และแบบเทปราคาถูกกว่าด้วย เพราะฉนั้น เมื่อลูกโตพอจะใส่แบบกางเกงได้ กลางวันใส่แบบกางเกง กลางคืนใส่แบบเทป ก็จะประหยัดได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าบ้านไหน ใส่ผ้าอ้อมได้ เราว่าดีที่สุด เป็นการฝึกลูกให้ฉี่เองได้เร็วกว่า เพราะเด็กจะรู้สึกถึงความแฉะ แต่เราเข้าใจนะว่า ยิ่งบ้านที่ไม่ได้มีพี่เลี้ยง การใส่ผ้าอ้อมเป็นเรื่องที่เหนื่อยทีเดียว แต่ของเรา ถ้าอยู่บ้านเราก็พับผ้าอ้อมผูกให้ใส่นะ แล้วก็โยนเข้าเครื่องซักที่เดียว ไม่เหนื่อยมาก จะมีวิธีพับผ้าอ้อมอยู่ใน youtube
  • ยี่ห้อที่ไทใส่แล้วแพ้ คือ babylove ถูกจริงอะไรจริง แต่แพ้เป็นผื่นแดงๆ เราว่าเป็นเพราะการซึมซับไม่ดีพอ และทำให้ชื้นและแฉะ
  • สำหรับใครที่มีโอกาสไปญี่ปุ่น ยี่ห้อโปรดเรา คือ merries ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เนื้อแพมเพิสนุ่ม ไม่เคยซึม เลอะเลย ขอบกางเกงนุ่มมากๆ ของ mamy poko เนื้อแพมเพิสจะออกแข็งหน่อย ส่วนราคาก็ถูกมากๆๆๆๆ ตกแผ่นละประมาณ 7 บาท แล้วคุณภาพแบบดีกว่าของเมืองไทยทุกยี่ห้อ หาซื้อได้ตามร้านขายยาใหญ่หรือ aeon supermarket, ร้าน donkihote ซื้อแบบยกลังเลย ลังหนึ่งจะมีประมาณ 4 ห่อ อีกยี่ห้อที่โอเค แต่ต้องเป็นอันที่ผลิตญี่ปุ่นคือ ยี่ห้อ pampers เลย ต้องเป็นตัว premium ด้วยนะ ห่อสีขาวๆทองๆ ถ้าเป็นห่อสีเขียวอย่าไปซื้อ ห่วยมาก ฉี่ซึมตลอดค่ะ
  • อีกอันที่ตอนไปไต้หวัน แล้วลองซื้อมาใช้แล้วชอบ เพราะช่วงนั้นไม่ได้ไปญี่ปุ่น และไม่ได้ฝากเพื่อนที่ไปบ่อยๆแล้ว เกรงใจหง่ะ ยี่ห้อ huggies โอเคเลยนะ

2. ของเล่น หนังสือ

  • เราชอบซื้อหนังสือมาก ถ้าไปห้างแล้วเข้าร้านหนังสือ ต้องซื้อทุกที เราเคยอ่่านเจอว่า เราสามาระเอาหนังสือรูปภาพให้ลูกดู เล่านิทาน ร้องเพลง ทำเสียงให้ลูกฟัง ได้ตั้งแต่ลูกเริ่มลืมตาได้เต็มที่ ถ้าไปที่ asia books หรือ kino จะมีหนังสือเด็กที่เขียนอายุว่า 0+ หนังสือประเภทสีสัน มีกระจกเงา มี texture ให้จับ มีเสียง จะดีมากกับการพัฒนาการของลูก และเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้ลูกด้วย ทุกวันนี้ กิจกรรมระหว่างวันนอกจากเล่นแล้ว เราให้ไทคือการอ่านหนังสือ ก่อนนอนกอฟต้องเป็นคนเล่านิทานให้ฟัง และตอนที่ให้ไทดูหนังสือครั้งแรก มันมหัศจรรย์มาก คือดูรู้เลยว่าไทชอบ มองตามเวลาเราพลิกหนังสือเปลี่ยนหน้า หลังจากวัย 0+ ก็สามารถหาหนังสือที่เหมาะกับวัยได้เรื่อยๆค่ะ
  • ของเล่น เราเคยอ่านที่คุณหนูดีเขียนว่า ของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก คือที่เด็กได้เรียนรู้จากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสวนในบ้าน หรืออะไรก็ตาม แต้เข้าใจว่า บางบ้านก็อยู่คอนโด ไม่ได้มีพื้นที่สวนให้เล่น และเมืองไทยก็ไม่ได้เป็นเมืองที่เราจะสามารถพาลูกออกไปปิคนิกในสวนได้นะคะ ของเล่นเด็กอ่อน สมัยนี้มีเยอะมาก อย่างพี่โซฟี ยีราฟ กัดได้ มีเสียงด้วย ก็เหมาะกับช่วงฟันขึ้น เรามีซื้อพวกตุ๊กตา mobile ที่ห้อยกับรถเข็น ก็ช่วยบ้างเวลาไทงอแง นอนมองไป แล้วก็จะมีอันที่ให้ดึงๆได้ มีเสียงอะไรประมาณนี้
  • สำหรับเด็กที่เริ่มเดินได้แล้ว เราอาจจะแนะนำได้สำหรับเด็กผู้ชายเป็นหลักนะคะ ต้อขออภัยด้วยหง่ะ คุณหนูดีแนะนำค่ะ การเล่นพวกตัวต่ออย่าง lego จะดีที่สุด ดีกว่าเล่นของเล่นอย่างอื่น แต่บางครั้ง lego ก็แพงเกินไป คุณหนูดีบอกว่า หาของเล่นที่มีลักษณะเป็นตัวต่อแบบอื่นก็ได้เช่นกันค่ะ
  • ขอวกกลับมาเรื่องหนังสือ สำนักพิมพ์ที่เราชอบและแนะนำมากคือของ Urborne (http://www.usborne.com/) ชอบเนื้อหา ลายเส้น รูป โดยเฉพาะหนังสือที่เป็น flap book ที่แต่ละหน้าจะมีให้เปิด flap ดูตามรูป ไทชอบมาก เดี๋ยวจะมาแปะให้ดูบางเล่มที่ไทชอบ โดยมากจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับรถ รถไฟ รถอุปกรณ์ก่อสร้าง สัตว์ต่างๆ และราคาของหนังสือต่างประเทศในเมืองไทย ถูกกว่าที่อื่นที่เราเคยไปดูมา เราโชคดีมาเรื่องนี้นะค่า ร้านหนังสือที่เราซื้อประจำก็ Asia Books and Kinokuniya แต่แอบชอบซื้อ Asia books มากกว่า เพราะเป็นสมาชิกได้เรื่อยๆนะ ประมาณซื้อครบเท่าไหร่ก็เป็นสมาชิกลด 10% ได้ แต่ Kinokuniya ต้องเสียค่าสมัครทุกปีอ่ะ เอารูปมาแปะให้ดูคร่าวๆ จริงๆพาลูกไปเลือก เราว่ามันเป็นอะไรที่ดีนะ อย่างเราเวลาพาไปร้านหนังสือ ไทก็ยืนมองหาละ อันไหนมีรถไฟ หรือรถ หรืออะไรก็ตามที่เค้าชอบ เราก็จะหยิบมาสองสามเล่ม ให้ไทเปิดดู ให้เวลานานหน่อย จะไม่ไปเร่งเค้า แล้วถามเค้าว่า ชอบเล่มไหน เพราะอะไร ชอบจริงๆนะ ถึงจะซื้อให้ สำหรับเรา เวลาซื้อหนังสือให้ไท ต่อให้ช่วงนั้นจะกรอบแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยเสียดายเงินเลย 🙂

look-inside-things-that-go-2013 fyt-abc-_flap first-1000-words-english-40-years

3. เสื้อผ้า รองเท้า

  • เชื่อว่า หัวข้อนี้ แม่ๆที่มีลูกสาวอาจจะ expert กว่าเราอ่ะ 55555 สำหรับเรา ตั้งแต่เด็กจนโต ตู้เสื้อผ้าในตู้ไท 90% จะเป็นของ muji เพราะแม่เราไปบ่อยก็เคยซื้อมาให้ตอนไทไม่กี่เดือน จนทุกวันนี้ยังใส่ได้อยู่เลยอ่ะ แหะๆ แล้วโดยส่วนตัวเราชอบเสื้อผ้าเรียบๆให้ลูกใส่ ไม่ชอบลายเยอะๆ เมืองไทย muji พึ่งเอาของเด็กเข้า และน้อยมาก เยอะสุดก็ยังเป็นญุี่ปุ่นและราคาถูกมาก เนื้อผ้า cotton ก็ดี ใส่สบาย ไม่ร้อน และไทเป็นเด็กขี้ร้อนมาก หน้าร้อนนี้ใส่แต่เสื้อกล้าม ขาสั้น ไม่ก็ใส่แต่กางเกงในอยู่บ้าน
  • ชุดนอน เราชอบของ mothercare ที่เป็นเสื้อแขนขายาว เพราะไทเป็นเด็กไม่ยอมห่มผ้าห่ม เมืองไทยขายแพงมากกกกก ไม่เคยซื้อ ตอนน้องชายยังเรียนอยู่อังกฤษ เลยซื้อ online ส่งไปบ้านน้อง ที่เมืองไทย H&M ก็มีให้เลือกอยู่ ราคาพอรับได้ แต่บางอย่างก็แพงไป และคุณภาพเนื้อผ้าก็ไม่ดีมาก นอกจากเลือกตัวที่เป็นผ้า organic ก็จะโอเคหน่อย
  • รองเท้า ตอนไทเกิด เราสังเกตุว่าขาไทงอนิดนึง และด้วยความที่เราและกอฟขาโก่ง ก็กลัวว่าไทจะขาโก่ง พอเริ่มเดินได้ ก็ไปตัดรองเท้ากับหมอชายธวัชที่โรงพยาบาลสมิติเวช ก็ใส่มาเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้ และไทก็เดินดีขึ้นนะ เป็นรองเท้าหุ้มข้อหนัง มีสีให้เลือกเยอะเลย เรา น้องเราก็ตัดกับหมอมาตั้งแต่เด็ก แต่เดี๋ยวนี้มีสีให้เลือกเยอะมาก สำหรับเด็กผู้หญิงก็มีหลายสี แต่…….ด้วยความที่อิชั้นเป็นคนที่ชอบรองเท้ามาก จึงอดไม่ได้ที่จะแอบซื้อรองเท้าให้ลูกตลอดเวลา และเท้าเด็กก็โตเร็วมากกกกกก ใส่ไม่ทัน บางคู่ใส่ไปแค่ครั้งเดียวเอง นอกจากรองเท้าคุณหมอ รองเท้าที่เราว่าดีมาก และไทชอบใส่คือ asics เมืองไทยราคาสูง ญีปุ่นถูกสุดค่า คู่ละพันนิดๆ เมืองไทยขายสองพันกว่าบาท ไม่รู้ตอนนี้ราคาลงหรือยังนะคะ asics เป็นรองเท้าเด็กที่ดีไซน์มาให้เหมาะกับเท้าหัดเดินของเด็ก พื้นจะหนา หน้ากว้าง ใส่ง่าย มีหลายสี แบรนด์โปรดอิชั้นมาก ถ้าเป็นรองเท้าลำลองกึ่งแตะ ก็มี nike ที่โอนะ ไม่แพง ซักได้บ่อย อีกยี่ห้อที่ใส่ง่าย แต่เราว่าเด็กต้องเดินแข็งหน่อย เพราะพื้นไม่ได้หนามากคือ victoria เราชอบทรง น่ารักดี เข้ากับเสื้อผ้าง่ายด้วย

asics baby shoes

วันนี้คิดออกแค่นี้อะ สมองไม่ค่อยแล่น อากาศมันร้อนเกินไปแล้วมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวคิดออกแล้วมาเขียนต่อน้าา xx

0

ของใช้ ของกินเบบี๋และเด็กที่อยากจะแชร์ part 1

ต้องบอกก่อนว่าตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างบ้าอะไรก็ตามเป็นสินค้า organics หรือ natural made เพราะด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านนู่นนี่ ก็จะอ่านเจอว่าโลกเราสมัยนี้มันเปลี่ยนไปเยอะ ของใช้ของกินที่เราใช้และกินอยู่ มีส่วนผสมของอะไรบ้างที่ก่อให้เกิดโรคนั่นนี่ในอนาคต และด้วยความที่เป็นคนป่วยง่าย ก่อนแต่งงาน เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยกว่าไปห้าง ผ่าตัดมาหลายที เลยคิดว่า ถ้าเราจะใช้หรือกินอะไร ก็ควรเลือกที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดที่จะก่อให้เกิดโรคในอนาคต และไม่อยากเป็นภาระใครถ้าเราต้องป่วย เลยเริ่มต้นอ่าน ศึกษา พวกสินค้า แบรนด์ต่างๆที่รับรองว่าเป็นสินค้า organics แต่ต้องบอกก่อนว่า ด้วยความที่ซื้อมาเยอะ ใช้มาหลายอย่าง ไม่ใช่ทุกอย่างที่เป็น organics จะใช้ดีทุกอย่าง บางอย่างอาจจะไม่ชอบกลิ่น ไม่ชอบผลที่ได้จากการใช้ ต้องแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลด้วยค่ะ แต่เรื่องของกิน อันนี้ถ้าเลือกซื้อได้ ก็จะเลือกที่เป็น organics หรือผลิตภัณท์ปลอดสารต่างๆ เดี๋ยวขอไล่ลงไปทีละอย่างนะก๊ะ ขอเริ่มด้วยของใช้เบบี๋ที่เราใช้มาแล้วอยากจะมาแนะนำก่อนนะคับ

1. พวกผลิตภัณท์อาบน้ำ สระผม โลชั่น

  • ในเมืองไทย หาซื้อได้ง่าย เราใช้ Baby mild ขวดเขียวๆ กับขวดขาวๆ อันนี้คือหาได้ทั่วไปนะ
  • Eucerin/Sebamed สองแบรนด์นี้ก็โอเค ที่ไม่ใส่พวก paraben, SLS อะไรพวกนี้ หาซื้อได้ตามโรงพยาบาลกับร้าน boots/watson
  • ตอนนี้เมืองไทยทำแบรนด์ organics สำหรับแม่และเด็กออกมาหลายแบรนด์ เอาจริงๆยังไม่ได้ลองซื้อมาใช้ เพราะเวลาไปต่างประเทศ ก็ชอบไปแอบซื้อมาลองใช้
  • เราชอบแบรนด์ Avado ของ Australia แป้งเด็กใช้ดีนะ สบู่กับแชมพูก็โอ แบรนด์นี้ น่าจะ pure organics ซื้อที่ฮ่องกงได้
  • ถ้ามีโอกาสไปฮ่องกง จะมีให้เลือกเยอะมาก เลือกเอาตามที่ชอบได้เลย

2. รถเข็น carseat

  • เคยแอบเล่าไปแล้วว่า โดยส่วนตัวเราชอบของ Aprica เพราะเคยถามเพื่อนญี่ปุ่น เพื่อนบอกว่าคนญี่ปุ่นส่วนมากจะเลือกใช้ Aprica เพราะเป็นแบรนด์เก่าแก่ ถูกที่สุดคือที่ญี่ปุ่น รองลงมาก็ไต้หวันกับฮ่องกง ร้านที่เป็นตัวแทนของเมืองไทย พูดเลยว่าไม่ปลื้มบริการ service แย่มากๆ พนักงานก็พูดจาไม่ค่อยดี แต่ข้อเสียของการซื้อจากเมืองนอกคือ ถ้าเสีย ตัวแทนร้านนี้จะไม่รับซ่อมเลย แต่สำหรับที่เราใช้มา ซื้อมาทั้งจากตัวแทนในไทยกับต่างประเทศก็ยังไม่เคยต้องส่งซ่อมอะไร เพราะรถเข็นทนมากๆ คันแรกเราซื้อรุ่นที่ปรับนอนได้ karoon plus ไม่รู้ตอนนี้ยังใช้ชื่อรุ่นนี้ป่าว ที่ซื้อเพราะปรับนอนได้ และน้ำหนักเบา คือรู้ตัวว่าตั้งใจจะเลี้ยงลูกเอง ก็คงต้องทั้งแบกลูกและรถเข็น ซื้อรุ่นใหญ่ๆคงไม่ไหว คันที่สองซื้อรุ่น Soraria Premium เพราะตอนนั้นมีพี่เลี้ยง และชอบที่ด้ามเข็นสูงกว่า แต่ใช้ไปไม่เกิน 5 ครั้งก็ขายต่อ เพราะหนักมาก สำหรับเรา แต่สำหรับคนอื่นที่เที่ยบกับแบรนด์ยุโรปหรืออเมริกาอาจจะเฉยๆ คันสุดท้ายที่ตอนนี้ใช้อยู้ และชอบมากรุ่น magical air เบาแค่ 2 กิโลกว่า แ่ปรับนอนไม่ได้ แต่แบบเอนๆ แต่ไทนอนได้ยาวนะ คันนี้ไม่น่าจะเหมาะกับเด็กแรกเกิด เหมาะกับเด็กที่เริ่มเดินได้แล้ว
  • ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวเลยค่ะ ไปที่ร้านลองเข็นดู หรือรอพวกงาน baby best buy
  • Carseat เราก็ใช้ของ ailebebe kurutto premium ชอบมากนะ ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงน่าจะประมาณ 3 ขวบ ปรับได้เยอะ หมุนได้รอบ ตอนเด็กๆไทนั่งแล้วหลับทุกที ตอนนี้ไม่ยอมนั่งละ เร็วๆนี้ ซื้อเพิ่มใส่รถอีกคัน ซื้อมือสองจากร้านขายของญี่ปุ่นมือสองของ maxcosi ดีเหมือนกัน ดูแข็งแรง แต่ปรับได้ไม่เยอะ แบรนด์นี้เท่าที่เคยอ่านรีวิวก็เป็นแบรนด์ที่ทำ carseat ค่อนข้างดีนะ

carseat

Carseat Kurutto Premium


magical

Stroller Aprica Magical Air

3. baby carrier เป้อุ้มเด็ก มีเพื่อนๆหลายคนถามมาเหมือนกันว่าอันไหนดี แล้วดียังไง เราเองอ่านจากรีวิวเหมือนกัน ตอนที่จะตัดสินใจซื้อ ตอนแรกแม่เราบอกว่า ไม่ได้ใช้หรอก เพราะในยุคเค้า มันไม่มีใครใช้กัน ก็เลยไม่เห็นความจำเป็น ซึ่งสำหรับบ้านไหนที่มีพี่เลี้ยงเด็ก เอาจริงๆก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่เราจำเป็นมากกกก เลยต้องศึกษาดีๆก่อน

  • สุดท้ายตัดสินใจซื้อของ Ergo baby จะแปะรูปไว้นะคะ เพราะอ่านจากรีวิว ก็ดูน่าใช้ และชอบตรงที่ตรง support เอวมันแผ่นใหญ่ เคยได้ของ Combi เป็นของขวัญ เลยลองมาใช้เปรียบเทียบ ต่างกันตรงการ support ช่วงเอวมาก ของ Combi จะเป็นเส้นบางๆ พออุ้มไปนานๆก็จะเมื่อยมาก ส่วนของ Ergo baby จากที่ใช้ เราว่ามันเป็น feeling ที่ดีของตำแหน่งลูกกับแม่หรือพ่อ โดยมากจะเอาลูกหันหน้าเข้าตัวเรา ลูกจะรู้สึกแนบเนื้อมากกก และคงเป็นความรู้สึกอบอุ่น ไทขึ้นเป้ ก็หลับง่่ายเหมือนกัน ราคาของ Ergo มีหลายราคาเริ่มต้นประมาณ 4-5000 บาท ตอนนี้ราคาอาจจะลงแล้วนะ ตอนนั้นของเราซื้อรุ่นที่เป็นเนื้อผ้า Organics แล้วแพงกว่านิดหน่อย อ้อ มันจะมีตัวเสริมคล้ายๆเบาะสอดเข้าไปในเป้ สำหรับเด็กแรกเกิด ไม่จำเป็นต้องซื้อนะ มันใช้ได้แป็บเดียวมาก เปลืองตังค์ค่ะ
  • ปีสองปีที่ผ่านมา เห็นรุ่นที่มันเป็นเป้และมีที่รองนั่ง ของเกาหลี เราไปฮ่องกงแล้วเห็นคนใช้เยอะมาก อารมณ์ว่าเป็นเป้ แล้วมีที่นั่งด้วย hip seat baby carrier เราไปลองมา แต่ปัญหาของเราคือ การที่เราผ่าคลอด ไอ้ตรงที่รัดเอว มันจะกดช่วงท้องและโดนแผล และด้วยความที่เรามีปัญหาเรื่องปวดท้องเรื่อรัง เลยใช้แล้วเจ็บ แต่คนที่แข็งแรงปกติ เห็นใช้แล้วชอบกันนะ เดี๋ยวจะแปะรูปไว้ให้ด้วย ส่วนมากจะเป็นแบรนด์เกาหลี ราคาไม่สูง
  • ส่วนแบรนด์อื่น แล้วแต่ความชอบเลย ไปลองสะพายดูตามห้างก่อน ค่อยๆตัดสินใจค่ะ

ergo

Ergo Baby


hipseat

Hip Seat Baby Carrier

4. ขวดนม

  • ขวดนมนี่เป็นเรื่องที่แล้วแต่ความสะดวกของแม่ๆเลยค่ะ ก่อนคลอดก็ไปตุนซื้อ Avent มาเยอะมาก แต่ไทกินนมแม่ 99% จากเต้า เลยกว่าจะได้กินขวดก็ตอนสองขวบ เลยไม่ค่อยได้ใช้ขวด ก่อนเริ่มกินนมผงก็ใชประปรายบ้าง เอาใส่นมสต็อคบ้าง โดยส่วนตัวไม่ได้ชอบ Avent มากเพราะขวดอ้วนและใหญ่ ไม่เหมาะกับการให้เด็กหัดถือเอง มีเพื่อนให้ของ Dr Brown มา เพราะพิสูจน์ว่าป้องกันเรื่องโคลิก ก็โอเคนะ แต่ตอนที่ใช้ ไม่รู้ทำไมมันจะมีกลิ่นหืนๆตรงแท่งหลอดกับฝายาง อาจจะเป็นเพราะเราใส่นมแม่สต็อค ซึ่งกลิ่นจะหืนอยู่แล้ว ล้างยังไงก็ไม่หาย เลยเลิกใช้
  • พอดีไปไต้หวัน เจอเพื่อนที่เป็นแม่เหมือนกัน เค้าไปซื้อของเด็ก จำไม่ได้ว่าอยู่ถนนอะไร แต่ของเยอะมากกกกก ไม่ได้อยู่ในห้าง เป็นอารมณ์คล้ายๆถนนสำเพ็งแต่ไม่วุ่นวายขนาดนั้น มีหลายร้านติดๆกัน เดี๋ยวอาทิตย์หน้าไปจะไปถามชื่อถนนแล้วมาบอกนะ มีทุกอย่าง ราคาถูกมากๆๆๆ ของก็ดี เพื่อนแนะนำขวดนมยี่ห้อ chu chu baby ของญี่ปุ่น เดี๋ยวแปะรูปให้ เป็นขวดสีชา เพื่อนบอกว่าดีมากๆ คอนเฟิร์ม อะ เชื่อค่ะ ก็ชื้อมาครึ่งโหล เพื่อนบอกให้ซื้อจุกนมเผื่อเลย ซึ่งควรค่ามากค่ะ พอมาใช้ชอบจริงๆ ชอบมากพูดเลย มันพอดีกับมือเด็กเอเชีย และไม่มีปัญหาเรื่องฟองอากาศด้วย
  • นอกจากนี้ แบรนด์ทั่วไปที่หาซื้อได้ง่ายๆก็ Pigeon เราว่าก็ไม่แย่นะ เพียงแต่เลือกรุ่นขวดกับจุกที่ดีๆหน่อย อย่างแม่คนไหนที่ให้นมแม่จากเต้า และระหว่างวันให้นมสต็อคก็ควรใช้จุกเบอร๋เล็กสุดไปตลอด ไม่ต้องเปลี่ยน เพราะลูกจะได้ชินกับการดูดจากขวดให้เหมือนดูดจากเต้าที่สุด
  • น้ำยาล้างขวดนม เราว่าของ Pigeon ดีนะ ไม่แพงมาก

chuchu

5. แก้วหัดดื่ม เราไม่ได้ใช้แก้วที่เป็นจุกเพราะไทเริ่มดูดหลอดได้เร็ว เลยข้าม step นี้ไป บางแบรนด์จะขายเป็นเซตตามช่วงเวลา ไม่จำเป็นต้องซื้อทั้งเซตนะ ดูพัฒนาการของลูกเราว่า เริ่มทานน้ำได้แบบไหน ดีที่สุดคือฝีกให้ดูดหลอดค่ะ สักพักก็จะดื่มจากแก้วได้

  • เราเป็นคนบ้าซื้อแก้วมาก เพื่อนเลิฟด่าบ่อยมากว่า บ้า!!!!! ซื้อทำไมเยอะแยะ มีลูกอยู่คนเดียว ไปไหนก็ซื้อ แล้วโชคดีว่า มีพี่เลี้ยงช่วงหนึ่งฝึกไทดูดหลอดได้ตั้งแต่ 6 เดือน ไทเลยดูดหลอดได้เร็ว อิแม่ก็เลยบ้าซื้อแก้วใหญ่ แล้วก็ทำหายบ่อยมาก
  • แก้วหลอดดูด Avent ค่อนข้างดี ไม่รั่ว
  • Combi ก็ดี ชอบเหมือนกัน เมืองไทยขายแพงมากหง่ะ
  • Pigeon ที่เป็นทรงสูง ของญี่ปุ่นดีค่ะ ซื้อที่ Central ได้

avent

Avent


combi glass

Combi


tall

Pigeon Tall

6. เก้าอี้ทานข้าว

  • เราเคยอ่านมาว่า ควรฝึกลูกให้ทานข้าวให้เป็นที่ ไม่ควรเดินป้อน เพราะจะเสียนิสััย เราเลยให้ความสำคัญกับเก้าอี้มาก เดินดู หา อ่านอยู่นานมาก สุดท้ายมาถูกใจกับของ mamas and papas เดี๋ยวถ่ายรูปแปะนะ เป็นอันที่รัดกับตัวเก้าอี้ ขนย้ายสะดวก และด้วยความที่เราไปนู่นมานี่บ่อย เลยซื้อตัวที่มันขนย้ายสะดวก รุ่นนี้จะมาถาดและของเล่นแถมมาด้วย ไทชอบมากตอนเด็ก ใช้ได้ตั้งแต่ลูกนั่งได้จนถึง 3 ขวบเลย คุ้มมาก
  • ราคาไม่แพง ก็ของ IKEA เราก็ซื้อไว้ตัวหนึ่งที่บ้านฮ่องกง เพราะถูกและใช้ได้ยาวถึงโต ตัวที่เป็นเก้าอี้ขาวๆอ่ะค่ะ
  • เก้าอี้ทานข้าวแบบพกพา ที่พับได้ เอาไว้ไปทานข้าวนอกบ้าน จะมีสายรัดกันตก เราซื้อของ munchkins เดี๋ยวแปะรูปน้า ใช้ดีเหมือนกัน สะดวกมาก อันเล็กดี เห็นเพื่อนมีใช้ของแบรนด์อื่นอย่าง fisherprice จะใหญ่หน่อย แต่ถ้าไม่ได้ออกนอกบ้านบ่อยก็ไม่จะเป็นต้องซื้อนะ พอโตแล้วก็นั่งเก้าอี้เด็กของร้านอาหารได้แล้ว

chair

mamas and papas booster

วันนี้ พอแค่นี้ก่อนนะค่า ไทพึ่งตื่น เดี๋ยวมาเขียนต่อ ใครอยากรู้ของใช้เด็กอันไหนอีก ลองถามได้นะ ตอนนี้นึกออกแค่นี้ก่อน 🙂

0

Recommended kids’ shopping places in Hong Kong

พอดีที่บ้านต้องเดินทางไปฮ่องกงบ่อย เราเลยไปฮ่องกงกันค่อนข้างบ่อย เฉลี่ย 2 เดือนครั้ง ฮ่องกงเป็นการเดินทางขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศของไท ตอนนั้นไทอายุประมาณ 4 เดือน เพราะฉนั้น พอไปถึง อย่างแรกที่หาคือมีที่ไหนที่ขายของเด็ก ของใช้ ของกิน ทุกสิ่งอย่าง เพราะคิดก่อนเลยว่า ถ้าขาดเหลืออะไร ต้องไปที่ไหน โชคดีแถวบ้านที่ฮ่องกงมีห้างที่ขายของเด็กเยอะมาก เลยอยากจะมาแชร์ เพราะเห็นว่าฮ่องกงเป็นประเทศที่ทุกครอบครัวน่าจะเลือกไปเป็นอันดับต้น หากจะพาลูกไปเที่ยว เพราะเดินทางง่าย เวลาบินสั้น

การเดินทาง ที่พัก

ง่ายอยู่แล้ว เลือกสายการบินได้เยอะ ไม่ต้องทำวีซ่า หาโรงแรมที่เราโอเคทั้งเรื่องราคาและ location แต่โดยมากโรงแรมถ้าดีๆหน่อย ราคาจะสูง เริ่มต้น ห้าหกพันบาท คนไทยส่วนมากชอบพักแถว Harbour City/Ocean Terminal เพราะshopping ง่าย มีทุกร้าน ก็จะมีพวกโรงแรมที่อยู่ในตัวห้างเลย Prince, Marco polo, Hong Kong, Royal pacific ราคาพอรับได้ ห้องพอรับได้า ถ้าดีหน่อย เดินไม่ไกล แนะนำ Langham Hotel ห้องดี แต่แพง

Kids’ shopping places

1. AEON Mall ทุกสาขา โดยมากอาจจะอยู่ในห้าง และไม่ค่อยอยู่ในตัวเมือง ต้องนั่งใต้ดินออกมา แต่ไม่ไกล ฮ่องกงไปไหนก็ใกล้ค่ะ แผนกขายของเด็กที่นี่ มีทุกอย่าง เสื้อผ้า รองเท้า ของใช้ รถเข็น แพมเพิส ส่วนมากเป็นยี่ห้อของญี่ปุ่น เคยเทียบราคากับญี่ปุ่น ต่างกันไม่เยอะ บางทีมีของให้เลือกเยอะกว่าญี่ปุ่นด้วย แต่ฮ่องกง แพมเพิสแพง นอกนั้นซื้อได้หมด เราชอบมาก จะมีห้องให้นม เปลี่ยนแพมเพิสสะอาดมาก ไปแล้วไม่ต้องกังวลเลยว่าจะหาอะไรไม่ได้ ถ้าลูกหิวนม เหนื่อย ก็เข้าไปพักใน nursery room

http://www.aeonstores.com.hk/ จะมี store locator ลองหาดูค่ะว่าร้านไหนใกล้เรา

2. Supermarket ที่ขายอาหาร ขนมเด็ก ส่วนมากเราชอบหาซื้อพวกของกิน organics เพราะเมืองไทยขายแพงและตัวเลือกน้อย แต่ supermarket ที่นี่มีให้เลือกเยอะดี โชคดีอีกว่าแถวบ้านมี supermarket ดีๆหลายอันที่ขายของกินเด็ก ลองหาดูนะคะว่าใกล้ๆที่พักมี supermarket เหล่านี้ให้ไปเดินเล่นป่าว

Supermarket ใหญ่ๆ ก็มี  ข้อมูลนี้ขอยืมมาแปะจาก http://www.hongkongfanclub.com นะคะ

Taste 

Festival Walk (Kowloon Tong)
Citygate (Tung Chung)
Stanley Plaza (Stanley)
Hopewell Centre (Wan Chai)
East Point City (Hang Hau, Tseung Kwan O)
Maritime Square (Tsing Yi)
Olympian City 2 (Tai Kok Tsui)
Metroplaza (Kwai Fong, Kwai Chung)
TMTplaza (Tuen Mun)

City Super ราคาสินค้าจะแพงสุด
Times Square, Causeway Bay
Harbour City, Tsim Sha Tsui
ifc mall, Central
New Town Plaza, Sha Tin

Park and Shop

Park and Shop จะหาเจอตามท้องถนน ถ้าเจอสาขาใหญ่ ของก็จะเยอะกว่าสาขาเล็กค่ะ

http://www.parknshop.com/WebShop/StoreLocatorPage.do

Wellcome

สาขาจะเยอะมาก เดินๆก็จะเห็นได้ทั่วไป ราคาถูกสุด แต่สินค้าจะไม่หลากหลาย ส่วนมากจะเป็นของพื้นๆ ไม่มีพวก organics ค่ะ

3. ร้าน baby store ที่ขายแต่ของเด็กเลย จะแนะนำบางที่ เพราะถ้ามีเวลาจำกัดก็เลือกแวะไปดูแค่ร้านเดียวก็พอค่ะ บางอย่างหาซื้อเมืองไทยได้ ก็ไม่จำเป็นต้องขนกลับมา นอกจากว่าราคาถูกกว่ากันเยอะ

  • eugene baby มีทุกอย่างร้านใหญ่มาก แต่เราว่าราคาค่อนข้างสูง แต่ร้านนี้มีเกือบทุกแบรนด์ที่เป็นของเด็ก ขายพวกเฟอร์นิเจอร์เด็กด้วย http://www.eugenegroup.com.hk/index_shoplist.php
  • babiesrus อันนี้เรายังไม่เคยไป แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของ toysrus ที่ทำแยกออกมาขายของเด็กโดยเฉพาะ http://www.babiesrus.com.hk/
    • Toys R Us, 3/F, Windsor House, Causeway Bay, HK  (Tel: 2991 6222)
      Toys R Us, 3/F, City Plaza, Taikoo Shing, Quarry Bay, HK
      Toys R Us, Shop 01-02, Level 2, Festival Walk, 80 Tat Chee Ave, Kln Tong, Kln  (Tel: 2265 7933)
      Toys R Us, Shop B032, Ocean Terminal, Harbour City, 3 Canton Rd, TST, Kln  (Tel: 2730 9462)
      Toys R Us, G/F, Level 1, New Town Plaza III, Shatin, NT  (Tel: 2605 2225)
      Toys R Us, 219 Maritime Square, Tsing Yi, NT  (Tel: 2431 1118)
      Toys R Us, 5/F, Tsuen Wan Plaza, Tsuen Wan, NT

4. ร้านอาหาร เอาจริงๆว่า เราว่าร้านอาหารในฮ่องกงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเด็กมากเท่าไหร่ ไปร้านไหนก็ต้องคอยขอเก้าอี้เด็ก ถ้าไปพวกร้านติ่มซำ ก็จะให้เหมือนเก้าอี้เสริมวางบนเก้าอี้ธรรมดา ดูงงๆหน่อย ก็ต้องขอนะคะ เพราะทราบกันดีว่าการบริการของคนฮ่องกงมันเป็นยังไง อย่าไปคาดหวังเยอะค่ะ น้ำขาที่ให้ตามร้าน ส่วนมากคนฮ่องกงเอามาล้างตะเกียบกับช้อนค่ะ ไม่ค่อยกินกัน เราก็ควรล้างค่ะ เพราะถ้าเคยเห็นวิธีการล้างจานของแต่ละร้าน จะไม่กล้ากินอะไรค่ะ

5. ห้องน้ำ อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องทำใจค่ะ ห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนแพมเพิส มันกจะโอเค ถ้าอยู่ในห้างใหญ่ๆ แต่ถ้าตามท้องถนน ทำใจค่ะ เตรียม wet tissue ไปเยอะๆค่ะ พวกร้านอาหารจะไม่ค่อยให้กระดาษทิชชูนะคะ ต้องพกติดตัวตลอด น้ำเปล่าก็ไม่ค่อยให้ ต้องซื้อติดตัวเหมือนกันค่ะ

6. ร้านยา ดีที่สุดซื้อตามร้าน watson, mannings เพราะจะมีเภสัชประจำ ยาบางอย่างที่เราซื้อได้ที่เมืองไทย เค้าไม่ขายถ้าไม่มีใบหมอนะคะ ซื้อพวกยาทั่วไปได้ เตรียมไปเองดีที่สุด ปกติ ถ้าไปร้านยา เราชอบไปดูวิตามินของเด็ก ของญี่ปุ่น พวกน้ำมันตับปลา เป็นกล่องเหล็ก เหลืองน้ำเงิน มีรูปเด็กแปะอยู่ กล่องละประมาณร้อยกว่าเหรียญค่ะ บางทีก็มีแพมเพิสลดราคา ลองเทียบดูกับ supermarket ข้างบนค่ะ

7. เสื้อผ้าเด็ก ถ้าเป็นพวกแบรนด์เนม ไปที่เดียวมีทุกแบรนด์ ที่ Harbour City ชั้นเดียวกับ Toysrus

น่าจะครบแล้วนะคับ สำหรับการ shopping ของเด็ก สำหรับการไปเที่ยวประมาณ 3-5 วัน ถ้ามีอะไรอยากรู้เพิ่มเติม ก็ถามมาได้คับ 🙂

0

การตัดสินใจที่จะมีคนๆหนึ่งเดินข้างเราไปตลอด

IMG_0016

โดยส่วนตัว เราไม่ค่อยชอบคำว่า แต่งงาน เท่าไหร่นะ ไม่รู้ทำไม แค่รู้สึกว่ามันดูผูกมัด มันดูเป็นทางการ เป็นพิธีการ เรายอมรับเลยว่า ตั้งแต่เด็ก เราก็มีความฝันแบบเจ้าหญิงว่า อยากจะได้แต่งงานกับผู้ชายหล่อๆ รวยๆ อยู่ในบ้านใหญ่ๆ อะไรแบบนั้น จนโตขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เห็นปัญหาของครอบครัวตัวเองมาตลอด และการที่เราเป็นลูกคนโต ยิ่งต้องรับภาระหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปรับผิดชอบ รับรู้มากที่สุด จนมีคำถามว่า อะไรคือความหมายของคำว่า แต่งงาน จริงๆมันก็คือการประกาศให้ทุกคนรู้ว่า นี่นะ ชั้นจะอยู่กินกับคนๆนี้นะ ชั้นจะตั้งท้องมีลูกกับคนนี้นะ และทุกวันนี้ รอบตัวเรา ก็ได้รับรู้ถึง การเลิกกัน การหย่าร้างของหลายๆคู่ เคยมีบางคนมาพูดกับเรานะ ว่าระบบการแต่งงานมันจะล่มสลายในอนาคต เพราะสัทธิการแต่งงาน ผัวเดียวเมียเดียว จริงๆก็พึ่งจะมีมาไม่นาน ดูสมัยก่อน ประวัติศาสตร์จีน ฝรั่ง ไทย ผู้ชายที่มีฐานะร่ำรวย สังคมชั้นสูง ก็ล้วนแล้วแต่มีหลายภรรยา ก็จริงนะ แต่สำหรับเรา เราเชื่ออย่างหนึ่ง ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราเชื่อในเรื่องของความซื่อสัตย์ เชื่อว่าที่เราตัดสินใจจะแต่งงานกับคนๆนี้ ไม่ใช่เพราะคำว่า แต่งงาน แต่เพราะเราตัดสินใจที่อยากจะใช้ชีวิตที่เหลือของเราเดินไปกับคนๆนี้ไปตลอด เราชื่นชมและยิ้มทุกครั้งที่เราไปต่างประเทศหรือคู่สามีภรรยาต่างชาติ โดยมากเป็นชาวยุโรปที่เค้าเดินจูงมือกัน ไปเดินเล่นในสวน หรือถ้าพอยังมีกำลังวังชาเที่ยวได้ ก็จะเห็นพากันไปเที่ยวต่างประเทศกันสองคนสามีภรรยา ทำไมพวกเค้าถึงทำได้หล่ะ เราคิดเองนะ เพราะคนเหล่านี้ เค้าเชื่อในชีวิตคู่ เชื่อในคำมั่นสัญญาที่เค้าให้ต่อกันว่าจะดูแลซึ่งกันและกัน แน่นอน ไม่มีคู่ไหนที่ไม่เคยทะเลาะกัน แต่เราก็เชื่ออีกแหละว่า ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา ว่าจะเชื่อในชีวิตคู่และบั้นปลายชีวิตเราอย่างไร

สามีเราอายุน้อยกว่าเราเกือบสามปี ตอนเจอกัน พี่แกเด็กมา พึ่งเรียนจบ ตอนเจอกัน ไม่ได้คิดแบบที่เขียนมาด้านบนหรอก แต่เป็นผู้ชายคนแรกที่เราอยากจะเป็นคนเข้าหาก่อน เพราะพี่แกไม่ทำอะไรเลย ในสมัยนั้น ยังมี msn อยู่ เพื่อนรักก็น่ารักนะ แทนที่จะให้เบอร์ไปเลย ดันให้ msn เพื่อ??? เราก็รอ ร้อ รอ ให้เค้าแอดมา ไม่มาสักที จนถอดใจละ พี่แกถึงได้โทรมา นั่นคือจุดเริ่มต้น เราคุยกันเร็ว คบกันก็นับว่าเร็ว ก่อนจะตัดสินใจคบกัน ช่วงนั้นเรารู้สึกเบื่อกบการทำงานมา มีปัญหากับครอบครัวเยอะ เพราะการที่ทำงานกับที่บ้านเนี่ยแหละ เลยอยากจะไปหาอะไรทำ ที่เราไม่เคยทำ เลยลองหาค่ายอาสาเป็นครู จนเจอ โครงการครูบ้านนอก ก็ตัดสินใจไปด้วยกัน เพราะจะได้เห็นๆรู้ๆกันไปเลย เพราะชีวิตที่ผ่านมา ก็เจอผู้ชายมาหลายแบบนะ เริ่มต้นสวยหรูหมด สุดท้ายก็เลิกไม่เป็นท่าเกือบหมด สี่วันสามคืนของการไปค่ายด้วยกัน เลยตัดสินใจว่า อยากจะคบกับคนๆนี้ เพราะเค้าดูธรรมดา ติดดิน ออกติสต์มากๆ

จริงๆก่อนไปค่าย เราเกือบจะไม่ได้มีชีวิตคู่กับคุณสามีแล้ว ก็ดูเป็นปัญหาที่เราเชื่อว่าหลายๆคนเจอเหมือนเรานะ ตอนแรกที่เจอกันคุยกัน พี่แกยังไม่ได้รู้ว่า เราทำงานอะไร ธุรกิจที่บ้านทำอะไร จนมีวันหนึ่ง พอพี่แกรู้ อยู่ดีๆพี่แกก็หายไป ไม่โทรมา เราก็งงมาก พอได้คุย ถึงได้รู้ว่า เค้ากลัวกับ background ครอบครัวของเรา เราเข้าใจนะ แต่เราก็พูดว่า เงินทอง ธุรกิจไม่มีอันไหนที่เป็นของเราเลย เพราะพ่อแม่เราพูดเสมอว่า เราจะไม่ได้อะไรทั้งนั้น เราจะต้องสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง ถ้าจะคบกันต่อ เราต้องช่วยกันทำ ช่วยกันสร้างโดนที่ไม่พึ่งพาครอบครัวของเราเลยนะ เพราะฉะนั้นยังจะกลัวอีกป่าว จริงๆก็คงยังกลัวแหละ แต่โดนเราบังคับให้คบต่อ แหะๆ

ขอข้ามมาตอนแต่งงาน สิ่งหนึ่งที่เราภูมิใจมากคือ งานแต่งงานของเรา ไม่ไดัยิ่งใหญ่ เน้นจำนวนคน เพราะเราคุยกันแล้วว่า เราไม่ต้องการงานใหญ่ และเงินทุกบาททุกสตางค์ แม้แต่แหวนแต่งงาน ก็เป็นเงินที่คุณสามีหามาเองทั้งหมด ตอนเราแต่งงาน แหวนแต่งงานเราไม่ได้ใหญ่อะไรเลย ความจริิงก็อยากได้นะ คุณสามีบอกว่า ตอนนี้ซื้อได้แค่นี้ก่อนนะ ไว้หาเงินได้เยอะกว่านี้ จะซื้อวงใหญ่ให้กว่านี้ ตอนนั้นดีใจมาก ไม่ใช่เพราะจะได้วงใหญ่นะ แต่คิดว่า ขอบคุณนะ สำหรับความตั้งใจที่จะทำ ไว้วันหนึ่งที่เราหาเงินกันได้มากกว่านี้ เราคงอยากเอาไปใช้ในเรื่องที่เราอยากทำมากกว่า โดยเฉพาะเรื่อง “เที่ยว” จะมาร่ายยาวกันต่อ ถึงการเสพติดการเที่ยวของข้าพเจ้า 🙂

นั่นแหละ ทำไมเราถึงตัดสินใจที่จะเดินไปกับคุณสามีเราไปตลอด 😉

0

กว่าจะได้เริ่ม :)

74422_10150309308005052_181687_n

กว่าจะเริ่มได้ของการเริ่มต้นเขียน blog ไม่กล้าที่จะเขียนเพราะคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนที่ใช้ภาษาเขียนไม่สวย เลยได้แต่เก็บความคิดที่จะเขียนไว้นานมาก เคยลองเขียนเป็นภาษาอังกฤษก็รู้สึกว่า เอ เราอยากแชร์ให้ใครอ่านกันแน่ ไม่ใช่ต่างชาติแน่นอน

จริงๆจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากจะขีดเขียนเรื่องราวของการเป็นแม่ ของการตั้งท้อง เกิดจากการที่หลายๆครั้งจะมีเพื่อนๆมาถามถึงการดูแลลูก การพาลูกไปเที่ยว การเตรียมตัว ต้องระวังอะไร ต้องทำยังไงบ้าง แล้วเวลาที่ได้ตอบกลับไปมันมีความสุข มันรู้สึกดี กับการที่ได้รู้ว่า สิ่งที่เราเจอมา ทำมา มันพอจะมีประโยชน์กับแม่ๆคนอื่นบ้าง

บทเริ่มต้นของวันนี้ เลยไม่อยากย้อนกลับไปเยอะ แต่อยากจะแชร์ที่มาว่าทำไม เราถึงอยากเขียนเรื่องราว ประสบการณ์ของการเป็นแม่ เพราะตั้งแต่เราได้เป็นแม่ เป็นแม่ของเด็กชายไท เราเชื่อว่าหลายๆคนรู้สึกแบบเราว่า ชีวิตผู้หญิงมักจะเปลี่ยนไปหลังจากได้เป็นแม่คน มากกว่าหลังแต่งงานหลายเท่า หรือจะเรียกได้ว่า มันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย มนุษย์ทุกคนเกิดมาเป็นมนุษย์ในบทบาทของการเป็นลูกก่อนทุกคน เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ จนได้แต่งงาน จะมีลูกหรือไม่มี ก็มีวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันออกไป

ชีวิตเรา คนภายนอกที่มองเข้ามา มักจะคิดว่า เรามีชีวิตที่ดีพร้อม มีความสุขดี ครอบครัว พ่อแม่พี่น้องก็ดี หน้าที่การงานก็ดี แต่เราพูดเสมอว่า ทุกอย่างที่เห็น อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอ ยิ่งพวกเราอยู่ยุคสมัย social ที่คนส่วนมากรวมทั้งเราใช้ชีวิตส่วนมากอยู่บนโลกของ social และผู้คนโดยมากก็มักที่จะเผยแพร่ด้านดีออกมามากกว่าด้านไม่ดี หลายๆครั้งที่ได้มีโอกาสได้นั่งคุยกับเพื่อนบางคน ที่อาจจะเพิ่งมีโอกาสได้คุยกันยาวๆนานๆ ทุกคนก็จะ โห หา บ้าน่า ไม่จริงม้างงง เวลาที่เราว่าจริงๆชีวิตเราเป็นยังไง ทุกคนมักจะพูดประโยคเดียวกันว่า ไม่แย่ขนาดนั้นมั่ง เห็นในเฟซบุคยังอย่างนู่นอย่างนี้ เราก็จะบอกว่า แหะๆ เราชอบสร้างภาพ เราชอบสร้างภาพสวยงาม เพราะเราอยากให้ทุกๆวันเป็นวันที่ดี วันที่สวยงาม

อะ ขอเริ่มสักทีของเรื่องราวของการเป็นแม่ แบบลงลึกในโพสต์ถัดไป 🙂